วันพุธ, กุมภาพันธ์ 5, 2025

บุรีรัมย์ – รวบ! 2 โจ๋บุรีรัมย์ ยิงอริบาดเจ็บสาหัส คาร้านก๋วยเตี๋ยว

0

ตำรวจรวบตัว 2 โจ๋ ชาวบุรีรัมย์ ยิงอริเจ็บสาหัส 2 คาร้านก๋วยเตี๋ยว​ เหตุไม่พอใจที่มองหน้า

วันที่ 12 ม.ค.64 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา​ จ.นครราชสีมา​ พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3 พลพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายทวีชัย หรือเลียว อายุ 25 ปี อยู่บ้าน ต.โคกม้า อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์​ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์​ที่ 6/2564 ลง10 ม.ค.64

ข้อหาพยายาม​ฆ่าและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต โดย จับกุมได้ที่บริเวณสะพานข้ามคลองกลางซอยเคหะร่มเกล้า 24 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และนายชยุตพงศ์ หรือยุทธ อายุ 18 ปี อยู่บ้าน ต.โคกม้า อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

ซึ่งอยู่ในกลุ่มของคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ พร้อมของกลาง อาวุธปืนสั้นลูกโม่บีบีกัน1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมปลอกกระสุนขนาด.38 2 ปลอกตรวจยึดได้จากที่ผู้ต้องหานำไปซุกซ่อนบริเวณสันเขื่อนลำนางรอง ม. 4 ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์

การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากผู้ต้องหาร่วมกันใช้อาวุธ​ปืนก่อเหตุยิ่งนายเรืองยศ ปะนา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 ม. 12 ต.จันดุม อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณแขนด้านซ้ายและบริเวณคอ และน.ส.กัลยาวดี เพียรงาม อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146 ม. 11 ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณแก้มด้านซ้าย เหตุที่ร้านก๋วยเตี๋ยวริมทาง บริเวณสี่แยกไฟแดง ถนนสายประโคนชัย-บ้านกรวดอ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนวันที่ 9 ม.ค ที่ผ่านมา

จากการสอบสวน ทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกลุ่มผู้ก่อเหตุไปด้วยกัน 4 คน โดยขับขี่รถจักรยานยนต์​ 2 คัน ไปนั่งดื่มเหล้าที่สระน้ำสาธารณะ หลังจากนั้นจะกลับบ้าน จึงแวะกินก๋วยเตี๋ยว โดยมีกลุ่มผู้บาดเจ็บนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ

ซึ่งขณะนั้น​นายทวีชัย มีอาการมึนเมา และเห็นว่ากลุ่มผู้บาดเจ็บ​มองหน้า จึงเดินเข้าไปถาม ก่อนจะมีปากเสียงกันเล็กน้อย ด้วยความโมโหจึงได้ใช้อาวุธ​ปืนยิงในนายเรืองยศ และน.ส.กัลยาวดี หลังก่อเหตุ ได้พากันขี่รถจักรยานยนต์แยกย้ายหลบหนี

ซึ่งนายทวีชัยได้หลบหนีไปที่ กรุงเทพฯ​ ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนติดตามจับกุมตัวได้ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป

https://www.newtv.co.th/news/73691

บุรีรัมย์-รวบแล้ว! หนุ่มโมโห คิดว่าวัยรุ่นแซว ลั่นถาม ‘ใครจะไปงานศพ’ ก่อนชักปืนยิง

0

รวบแล้ว! หนุ่มโมโห คิดว่าวัยรุ่นแซว ชักปืนยิง ลั่นถาม ‘ใครจะไปงานศพ’ ก่อนหลบหนี

เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ต.ท.ศักดิ์วริศ ภัณฑะประทีป รอง ผกก.(สืบสวน) พร้อม พ.ต.ต.นราธิป หรบรรพ์ รองสารวัตร(สืบสวน) สภ.พลับพลาชัย อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ นำตัวนายกิตติศักดิ์ หรือเต้ย กิรัมย์ อายุ 21 ปี และนายพิทวัส หรือตอง กิรัมย์ อายุ 19 ปี สองพี่น้อง ชาว อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ มาสอบสวน หลังเดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจวันนี้

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม เวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา ทั้งสองได้พากัน ใช้อาวุธปืน ยิงนายธนาธิป โนนประโคน อายุ 22 ปี กระสุนถูกกลางหน้าอก ได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วหลบหนีไป

จากการสอบสวน นายเต้ย มือปืน ซึ่งมีภรรยาอยู่หมู่บ้านที่เกิดเหตุ ให้การว่า วันเกิดเหตุตนอยู่บ้านภรรยา ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจะกลับไปบ้านแม่ เห็นกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านประมาณ 10 คน นั่งดื่มสุราริมถนน ตนได้ยินเสียงเหมือนมาแซวตัวเอง รู้สึกไม่พอใจ ประมาณ 1 ชม.จึงย้อนกลับมาดูพบว่ามีคนนั่งดื่มเหล้าด้วยกันประมาณ 5 คน จึงกลับไปบ้าน แล้วน้องชายขับรถกระบะของพ่อมาส่งที่เกิดเหตุ แล้วชักปืนไทยประดิษฐ์ ยิงไป 1 นัด โดยไม่รู้ว่าโดนใครบ้าง ก่อนจะพากันหลบหนีไปอยู่จังหวัดลพบุรี กระทั่งพ่อกับแม่แนะนำให้มามอบตัว เพราะเกรงจะถูกเอาคืนตามที่ตำรวจแนะนำมา

หลังสอบสวน ได้ส่งตัวให้ ร.ต.อ.วัฒนา อาจสาลี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.พลับพลาชัย อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาทั้งพี่น้อง “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว”

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบนายธนาธิป โนนประโคน อายุ 22 ปี คนถูกยิง ซึ่งพ้นขีดอันตรายแล้ว หมอให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน โดยนายธนาธิป กล่าว่า วันเกิดเหตุ พวกตนนั่งดื่มกินกันเพื่อฉลองปีใหม่ จู่ๆได้นายเต้ย ขับรถมาจอดแล้วถามว่า “ใครจะไปงานศพ” ตนจึงลุกขึ้นทันใดนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น กระสุนถูกบริเวณหน้าอกขวา ล้มลง เพื่อนนำส่งโรงพยาบาล ยืนยันไม่เคยมีเรื่องกับนายเต้ยมาก่อน และไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวและไม่เคยไปหาเรื่อง เพราะเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯได้ประมาณ 2 ชม.

ด้านนายนายชัชวาล โนนประโคน อายุ 27 ปี พี่ชายคนถูกยิง และเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า วันนั้นน้องชายได้นั่งดื่มสนุกสนานกับเพื่อน ตนเห็นรถกระบะมาจอดเลยไป แล้วถอยมา จากนั้นได้ถามเพียงคำสองคำ แล้วยิงใส่ทันที ส่วนตัวคิดว่าการกระทำดังกล่าว ไม่มีเหตุผล และรุนแรงเกินไป หากไม่พอใจน่าจะมาพูดคุยกันก่อน




https://www.matichon.co.th/region/news_2530832

บุรีรัมย์–กกต.ไม่รับรองนายก อบจ. เพิ่มอีก 8 จังหวัด

0

กกต.ไม่รับรองนายก อบจ.เพิ่มอีก 8 จังหวัด ยอดว่าที่นายก อบจ.ถูกแขวน 49 จังหวัด เผยมีเรื่องร้องเรียนแล้ว 517 เรื่อง เป็นสำนวน 250 สำนวน

วันนี้ ( 14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุม กกต.ได้มีการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 8 จังหวัดสุดท้าย คือ จ.นนทบุรี จ.บุรีรัมย์ จ.ระยอง จ.สมุทรปราการ จ.สระแก้ว จ.อ่างทอง จ.นราธิวาส และ จ.ชุมพร ซึ่งปรากฏว่าในส่วนของนายก อบจ.กกต.มีมติไม่ประกาศรับรองทั้ง 8 จังหวัด เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียน

กกต.ไม่รับรองนายก อบจ. เพิ่มอีก 8 จังหวัด

อย่างไรก็ตามขณะนี้ถือว่า กกต.ได้มีการพิจารณาผลการเลือกตั้งสมาชิกและนายก อบจ.ครบทั้ง 76 จังหวัดแล้ว และมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในส่วนสมาชิกและนายก อบจ.ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน หรือมีเรื่องร้องเรียนแต่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ได้รับเลือกตั้ง หรือเป็นเรื่องร้องเรียนที่ กกต.เห็นว่าไม่มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ภายในกรอบเวลา 30 วัน

ในส่วนของนายก อบจ.ประมาณ 49 จังหวัด และสมาชิกที่มีเรื่องร้องเรียน ตามมาตรา 17 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 กกต.ยังมีอำนาจในการพิจารณาอีก 30 วัน ซึ่งจะครบในวันที่ 19 ก.พ.โดยถึงขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนแล้ว 517 เรื่อง เป็นสำนวนแล้ว 250 สำนวน หาก กกต.ยังดำเนินการพิจารณาเรื่องร้องเรียนไม่แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาดังกล่าวก็ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน

ThaiPBS

บุรีรัมย์ – หมอสูติฯ รพ.บุรีรัมย์ เผยภาพสุดประทับใจ ทำคลอดภรรยาด้วยตัวเอง

0

นพ.ยุทธภูมิ พินิจมนตรี แพทย์สาขาสูตินรี โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โพสต์ภาพขณะที่ตนเองเป็นแพทย์ทำคลอดให้ภรรยาด้วยตัวเอง ด้านชาวเน็ตต่างเข้ามาชื่นชมย้ำเป็นภาพครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นมาก

วันนี้ (14 ม.ค.) เฟซบุ๊ก “Yuttaphum Pinitmontree” หรือ นพ.ยุทธภูมิ พินิจมนตรี แพทย์สาขาสูตินรี โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ได้ออกมาเผยเรื่องราวสุดน่ารักเนื่องจากได้ทำคลอดภรรยาของตนเอง

โดยระบุว่า “เอาเข้าเอง เอาออกเอง นักเลงพอ” ไม่เสียดายเลยที่เลือกเรียนสูติฯ อย่างน้อยก็ได้ดูแลคนที่ผมรัก ภรรยา ลูก และได้ดูแลเพื่อน ภรรยาของเพื่อนอีกหลายๆ คน รวมทั้งสตรีเพศทุกคน

สุขสันต์วันเกิดครบรอบ 1 ปี “ลอนดอน” ภาพวินาทีแรกของชีวิต พ่อแม่ลูก ปีนี้ ลอนดอนจะมีน้องอีกคนละนะ ปล.รักกัน ชอบกัน ช่วยกดไลก์ โพสต์นี้ด้วย พ่อลอนดอนส่งเข้าประกวด”

คลิกโพสต์ต้นฉบับ

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000003849

บุรีรัมย์-เปิดมูลค่าแข้งไทยลีกล่าสุด ‘ไมคอน’ บุรีรัมย์ ทะลุ 65ล้านบาท

0

เปิดมูลค่าแข้งไทยลีกล่าสุด ‘ไมคอน’ บุรีรัมย์ ทะลุ 65ล้านบาท

หลังจากที่ปิดตลาดซื้อขายในไทยลีกรอบ 2 ฤดูกาล 2020/2021 มีนักเตะที่ย้ายเข้ามา และได้สโมสรใหม่หลายคน ไปดู 5 อันดับ นักเตะที่มีมูลค่าสูงสุดในช่วงเลก 2 โดยข้อมูลมูลค่ามาจากเว็บไซต์ ทรานเฟอร์มาร์เกต

อันดับ 1

ไมคอน ดาวเตะตัวใหม่จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 65,000,000 บาท หลังจากย้ายมาร่วมทัพ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จาก แอตแลนติโก้ มิเนโร่

อันดับ 2

เฮแบร์ตี้ เฟอร์นานเดส ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับ ทรู แบงค็อก และแม้ช่วงหลังจะดร็อปไปแต่เดอะแบกผู้นี้ยังมีมูลค่า 800,000 เหรียญฯ หรือประมาณ 32,800,000 บาท หลังจากหมดสัญญากับ การท่าเรือ เอฟซี

อันดับ 3

ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวกับ บีจี ปทุม หลังจากทีมจ่าฝูงไทยลีก ไปกระชากตัวมาจาก ชิมิซึ เอสพลัส ไปเมื่อไม่นานนี้มีมูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ 750,000 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 30,750,000 บาท

อันดับ 4

ดิเกา อีกหนึ่งแข้งใหม่จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีมูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ 700,000 เหรียญฯ หรือประมาณ 28,700,000 บาท

อันดับที่ 5

เรนาโต้ เคลิช ที่ล่าสุดย้ายไปอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี โดยอดีตแข้งบุรีรัมย์รายนี้มีมูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ 675,000 เหรียญฯ หรือประมาณ 27,675,000 บาท

มติชนออนไลน์

หนาวนี้จะมีถึงวันไหน”กรมอุตุฯ”จะมา”พยากรณ์อากาศ”ให้รู้กัน

0

เช็กเลย! หนาวนี้จะยาวนานเท่าไร แล้ว”อุณหภูมิ”จะลดอีกหรือไม่ “กรมอุตุนิยมวิทยา”จะมาเป็นผู้”พยากรณ์อากาศ”ให้รู้กัน

หนาวนี้จะมีถึงวันไหน"กรมอุตุฯ"จะมา"พยากรณ์อากาศ"ให้รู้กัน

ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หลายจังหวัดทั่วไทย โดยเฉพาะไทยตอนบนต้องรับมือกับอากาศหนาวเย็น บางแห่งมีลมแรง อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 15 -16 ม.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศว่า อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย 3-5 องศาเซลเซียส แต่หลังจากนั้น ใครที่รอคอยลมหนาวอีกระลอก รับรองสมใจ

เพราะกรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศออกมาแล้วว่า วันที่  17 -20  มกราคมนี้ ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะพัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยอีก ทำให้บ้านเราโดยเฉพาะไทยตอนบน ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ,อีสาน ,กลาง ,ตะวันออก อุณหภูมิจะลดหมด ตั้งแต่ 1 – 6 องศาเซลเซียส

โดยความหนาวระลอกนี้ ยังคงเริ่มที่ภาคอีสานก่อนในวันที่ 17 มกราคม หลังจากนั้นในวันที่ 18 มกราคม ภาคอื่นๆก็จะทยอยอุณหภูมิลดลง ความหนาวก็จะเริ่มพัดเข้ามา ส่วนภาคใต้นั้น ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ต้องรับมือกับฝนฟ้าคะนองและคลื่นสูง อุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ 22-25 องศาเซลเซียส ส่วน อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วันที่ 17 – 20 มกราคม 64 อากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีลมแรง

-อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส

-อุณหภูมิต่ำสุด 7-15 องศาเซลเซียส 

-อุณหภูมิสูงสุด 23-26 องศาเซลเซียส

-บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและอุณหภูมิต่ำสุด 4-11 องศาเซลเซียส   

บุรีรัมย์ – เจ๋งเวอร์เบอร์ 1 ลำปลายมาศ ชนะเลิศข้าวหอมมะลิจังหวัด ส่งชิงระดับประเทศ

เกษตรกร ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ คว้ารางวัลชนะเลิศ ประกวดข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ระดับจังหวัด ปี 2563/64 จากเกษตรกรทั้งจังหวัดที่ส่งเข้าประกวด พร้อมส่งเข้าประกวดระดับประเทศ

วันนี้ (13 ม.ค.64) นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานตัดสินการประกวดข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ระดับจังหวัดบุรีรัมย์ ปีการเพาะปลูก 2563/64 ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับคณะกรรมการดำเนินการตัดสิน ประกอบไปด้วย ตัวแทนจากเกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด พาณิชย์จังหวัด ประธานชมรมโรงสีข้าว และผู้ประกอบการโรงสีข้าวในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จัดขึ้น ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

เพื่อคัดเลือกตัวอย่างข้าวหอมมะลิประเภทเกษตรกรรายบุคคล 4 ตัวอย่าง และประเภทกลุ่มเกษตรกร จำนวน 3 ตัวอย่าง ส่งเข้าประกวดข้าวหอมมะลิประเทศไทย ปีการเพาะปลูก 2563/64 เพื่อชิงโล่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมเงินสดและอุปกรณ์การเกษตร รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

ซึ่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศ ดำเนินการจัดประกวดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีการเพาะปลูก 2523/2524 จนถึงปัจจุบัน รวม 38 ปี สำหรับจัดการประกวดข้าวหอมมะลิจังหวัดบุรีรัมย์ ปีการเพาะปลูก 2563/64 มีเกษตรกรประเภทรายบุคคล ส่งตัวอย่างข้าวเข้าประกวด จำนวน 22 ตัวอย่าง และประเภทกลุ่มเกษตรกร ส่งตัวอย่างข้าวเข้าประกวด จำนวน 8 ตัวอย่าง

โดยคณะกรรมการตัดสินการประกวดได้ใช้เวลาตรวจสอบคุณภาพข้าวหอมมะลิที่ส่งเข้าประกวด เพื่อหาผู้ชนะประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการตัดสินหาผู้ชนะจะพิจารณาจากคุณภาพ ซึ่งจะต้องไม่มีข้าวอื่นปลอมปนเมล็ดมันวาว แข็งแรง ความยาวสม่ำเสมอ

ผลการตัดสิน ประเภทเกษตรกรรายบุคคล รางวัลผู้ชนะเลิศ ได้แก่ ร.ต.เก็ง จันทร์งาม เกษตรกร ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายปาน เงินไทย เกษตรกร ต.ถลุงเหล็ก อ.เมืองบุรีรัมย์ ส่วนประเภท กลุ่มเกษตรกร/สหกรณ์การเกษตร ชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่มข้าวอินทรีย์นาแปลงใหญ่จรเข้มาก ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย รองชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่มข้าวอินทรีย์บ้านบัว ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย โดยผู้ชนะเลิศ ในระดับจังหวัด จะได้รับมอบโล่เกียรติยศ และเงินรางวัล จากผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์

นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดประกวดข้าวหอมมะลิระดับจังหวัดในครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้เกษตรกรได้หันมาพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมมะลิให้มีคุณภาพมาตรฐาน ให้ตรงตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีกับตัวเกษตรกรเอง ทำให้ข้าวมีราคาดีขึ้น สำหรับเกษตรกรที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ ก็จะส่งประกวาดระดับประเทศต่อไป

บุรีรัมย์ – เตรียมดำเนินคดีคนติดโควิดไม่กักตัว กอดญาติ ตั้งวงกินเหล้า

0

จังหวัดบุรีรัมย์ แถลงพร้อมดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ วันนี้ (14 ม.ค.64) เวลา 14.00 น. ณ ห้องแถลงข่าว สนามช้างอารีนา จังหวัดบุรีรัมย์

นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายวิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ต.อ.สาธิต สถิตถาวร ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมแถลงข่าว

กรณีมีผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นผู้ป่วยโรคโควิด 19 การแถลงข่าววันนี้ เนื่องจาก ได้เกิดเหตุการณ์ที่ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง และไม่ปฏิบัติตนตามประกาศ และตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

โดยเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร วันที่ 6 มกราคม 2564 เวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งปกติผู้ป่วยรายนี้ได้ทำงาน และพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดอ่างทอง เนื่องจากทั้งจังหวัดอ่างทอง และจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดให้เป็นพื้นที่สีแดง พื้นที่เสี่ยงมาก และเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อมาร่วมงานศพ และเมื่อมาถึงได้ไปพูดคุย ทักทาย กอดญาติ และเข้าไปเคารพศพโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย

รวมทั้งร่วมกลุ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับบุคคลอื่นในงานทันที โดยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในประกาศฯ ที่กำหนดให้ผู้เดินทางทุกคนต้องไปรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน อสม. หรือ ศูนย์คัดกรอง COVID – 19 ประจำหมู่บ้าน หรือชุมชนท้องที่ที่อำเภอกำหนด รวมทั้งไม่กรอกแบบคำถามสุขภาพในแบบฟอร์ม ต.8 บร. นั้น

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคอำเภอ (ศปก.) ถือว่าเป็นความผิดฐานฝ่าฝืน ข้อ 8.2.1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368

ซึ่งทางจังหวัดจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากได้รับทราบข้อมูลว่า มีผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง เข้ามาในพื้นที่ ตำบลโคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อมาร่วมงานศพ โดยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ และต่อมาเป็นผู้ป่วยโรค โควิด 19 และเข้ารับการรักษาตัวที่ โรงพยาบาลสนามป่าโมก นั้น

จังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้ออกค้นหาผู้สัมผัส ผู้ป่วยรายนี้ตาม Timeline ได้พบผู้สัมผัสทั้งหมดประมาณ 37 ราย แบ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง 13 ราย (ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการกลุ่มเสี่ยงสูงให้ผลลบทั้งหมด) และกลุ่มเสี่ยงต่ำ 24 ราย อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง สังเกตอาการ และจะค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มในพื้นที่ต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว แม้ว่าผู้ติดเชื้อโควิด – 19 จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์แล้ว แต่ถือว่าเป็นผู้ที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยไม่ปฏิบัติตาม ประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถือว่า เป็นผู้มีความผิดตามประกาศฯ จังหวัดบุรีรัมย์ จะต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป และเนื่องจากช่วงนี้ยังมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

จึงฝากถึงประชาชนชาวบุรีรัมย์ ให้ปฏิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุข มีการแสกนแอปพลิเคชัน ไทยชนะ เมื่อต้องเข้าสถานที่ต่างๆ เว้นระยะห่างทางสังคม ไม่เข้าไปอยู่ในสถานที่ ที่มีผู้คนชุมนุมกันเป็นจำนวนมากสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า 100 % และล้างมือบ่อยๆ พร้อมขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางข้ามาในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข และประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้จังหวัดบุรีรัมย์ของเราปลอดภัยจากโรคติดเชื้อโควิด – 19

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์

บุรีรัมย์หนาว! คนด้อยโอกาสไร้คนช่วย วอนแก้ไขระเบียบให้ท้องถิ่นดูแล

คนพิการ คนพิการ ป่วยติดเตียง ร้องเดือดร้อนหนัก หน่วยงานรัฐไม่ดูแล ทั้งอาหารหนาว ไม่ได้รับสวัสดิการ เพราะติดกติกา พมจ.ระบุต้องทำตามขั้นตอนยอมรับติดขัด ขณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคมสภาฯวอนรัฐเปลี่ยนระบบให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล เพราะเป็นคนพื้นที่รู้ปัญหาดีกว่า


วันที่ 13 ม.ค.64 นายสนอง เทพอักษรณรงค์ กรรมาธิการสวัสดิการสังคมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนางนัฏญา  จิตรเกาะ  พัฒนาส่งคมและความมั่นคงของมนุษย์(พมจ.)จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านตลาดควาย ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์


หลังได้รับการร้องเรียนจากคนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง ในหมู่บ้านจำนวน 12 ราย ว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ไม่สามารถทำบัตรคนพิการได้ ทำให้ไม่ได้รับการเยียวยาเงินสวัสดิการต่างของรัฐบาล


น.ส.นัฎญา จิตรเกาะ พมจ.จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับการร้องเรียนจากคนพิการ และผู้ป่วยติดเตียงทั้งจังหวัดแล้วประมาณ 1,200 ราย จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าผู้พิการ แต่ยังไม่ได้รับบัตรคนพิการมีจริง ซึ่งจากการสอบถาม ทราบว่าส่วนหนึ่งผู้ป่วยน่าจะอยู่ระหว่างการฟื้นฟูเป็นเวลา 6 เดือนตามระเบียบ หากพ้นกำหนด จะถือว่าเป็นคนพิการทันที ทั้งหมดเป็นดุลพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ส่วนผู้ป่วยติดเตียง จะหาแนวทางการช่วยเหลือตามสมควรต่อไป

 
ด้านนายสนอง เทพอักษรณรงค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 พรรคภูมิใจไทย และกรรมาธิการสวัสดิการสังคมสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากสภาพที่เห็นแล้วยอมรับว่าข้อร้องเรียนของผู้เดือดร้อน เป็นเรื่องจริง ซึ่งจะต้องหาแนวทางการช่วยเหลือต่อไป


ส่วนตัวอยากจะให้รัฐบาลมีการปรับแก้กฎระเบียบ ให้กลุ่มคนกลุ่มนี้อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เพราะใกล้ชิดกว่า และรู้ปัญหามากกว่ารัฐบาล

 
ที่ผ่านมาท้องถิ่น ได้แต่นั่งดูความเดือดร้อนของชาวบ้านแต่ช่วยเหลือไม่ได้ เช่นภัยหนาวตอนนี้ ท้องถิ่นจะซื้อผ้าห่มกันหนาวมาแจกไม่ได้ เพราะผิดระเบียบ ทั้งที่มีงบประมาณ หากฝืนก็จะถูก สตง.ตรวจสอบ เท่ากับ อปท.ในพื้นที่ไม่สามารถดูแลประชาชนของตัวเอง ถือว่าเป็นการผิดเจตนาของการกระจายอำนาจหรือไม่…นายสนอง…กล่าว

‘ชาวบุรีรัมย์’ ถูกแจ้งข้อหาซ้ำ ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ชุมนุม’ หลังเสียค่าปรับแล้ว ม็อบท่าพระ 2 พ.ย.63

‘ชาวบุรีรัมย์’ ถูกแจ้งข้อหาซ้ำ ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ชุมนุม’ หลังเสียค่าปรับแล้ว 700 บาท ม็อบท่าพระ 2 พ.ย.63

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) รายงานว่า นายลำไย จันทร์งาม ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้เข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มราษฎร บริเวณสถานีรถไฟฟ้า MRT ท่าพระ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าพระ แจ้งข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ชุมนุม อีกครั้ง

ทั้งนี้ นายลำไยได้ถูกปรับเป็นเงิน 700 บาท จากการใช้เครื่องเสียงและไม่ติดทะเบียนรถไปแล้ว เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ส่งผลให้คดีสิ้นสุดไป ซึ่งการแจ้งข้อหาอีกจึงเข้าข่ายเป็นการดำเนินคดีอาญาซ้ำ

โดยก่อนหน้านี้มติชนเคยรายงานข่าวว่า

‘ชาวบุรีรัมย์’ จ่ายค่าปรับ 700 หลังรับหมายเรียก ‘ใช้เครื่องเสียง-ไม่ติดป้ายทะเบียน’ ร่วมม็อบ 2 พ.ย.

‘ชาวบุรีรัมย์’ จ่ายค่าปรับ 700 หลังรับหมายเรียก ‘ใช้เครื่องเสียง-ไม่ติดป้ายทะเบียน’ ร่วมม็อบ 2 พ.ย.

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) รายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลท่าพระ นายลำไย จันทร์งาม ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เดินทางเข้าจ่ายค่าปรับ จำนวน 700 บาท หลังถูกออกหมายเรียก ข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ สืบเนื่องจากกรณีที่นายลำไยนำรถกระบะบรรทุกเครื่องขยายเสียงเข้าร่วมการชุมนุม ของกลุ่มราษฎร บริเวณสถานีรถไฟฟ้า MRT ท่าพระ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ด้าน พ.ต.ท.ชาญชาตรี สีดาคำ รองผู้กำกับ (สอบสวน) พร้อมด้วย พ.ต.ท.กิติ กิตประชุม รองผู้กำกับ (สอบสวน) สน.ท่าพระ ได้แจ้งข้อกล่าวหา แก่ นายลำไย จันทร์งาม โดยในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา ระบุว่าเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 นายลำไยเป็นผู้ขับรถกระบะไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และบรรทุกเครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้ามาจอดบริเวณเกาะกลางใต้สะพานข้ามแยกท่าพระ และมีการใช้เครื่องขยายเสียงที่นายลำไยนำมานั้น พูดปราศรัยในที่ชุมนุม โดยระหว่างนั้นนายลำไยได้ยืนอยู่ใกล้รถกระบะจนสิ้นสุดการชุมนุม

พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ โดยนายลำไยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงเปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน 700 บาท

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ออกหมายเรียกพยาน ของ นายลำไย ให้มาพบในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ จากเดิมเจ้าหน้าที่พยายามจะให้นายลำไยให้การในวันนี้ แต่ทนายความคัดค้าน และขอให้เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกพยานมาก่อน นายลำไยจึงเพียงมารับทราบข้อกล่าวหาตามที่ระบุในหมายเรียกแรก

Source : มติชนออนไลน์