กรณีที่เอเอฟซี กำหนดเดดไลน์ให้การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 40 ทีมสุดท้าย ต้องจบลงภายในเดือนมิถุนายน และมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะต้องแข่งขันในสนามเป็นกลาง หากสถานการณ์โควิด-19 ยังคงเป็นปัญหา ล่าสุด นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าในประเด็นนี้ว่า ทางเอเอฟซียังไม่มีคำสั่งเป็นทางการให้แข่งขันในสนามกลาง เพียงแต่ให้แต่ละชาติตกลงกันถึงความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขัน หากต้องใช้สนามกลางจริง ทางเอเอฟซีจะต้องทำหนังสือไปในยังชาติต่างๆในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อสอบถามว่าชาติใดจะพร้อมรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน นโยบายดังกล่าว ทำให้พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้สั่งการให้ประเทศไทยเตรียมความพร้อม หากต้องมีการยื่นเสนอจัดการแข่งขัน โดยเบื้องต้น ได้เล็งที่จะใช้สนามช้าง อารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากผ่านสังเวียนระดับนานาชาติมาหลายรายการ อีกทั้งง่ายต่อการควบคุม หากต้องใช้ระบบ “บับเบิ้ล” ในขณะนี้ทาง ศบค.ได้ทราบหลักการเบื้องต้น และคาดว่า เมื่อถึงขั้นตอนการเสนอตัว ประเทศไทย จะพร้อมส่งแผนให้เอเอฟซีได้ทราบโดยเร็วที่สุด
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เตรียมส่งชื่อ “สนามช้างอารีน่า” ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสนามกลางใช้จัดฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในโปรแกรมที่เหลืออยู่
มีรายงานว่า นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ มีการเปิดเผยว่า “เตรียมที่จะยื่ยเรื่องให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เสนอชื่อ จ.บุรีรัมย์ และสนามช้างอารีน่า ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในโปรแกรมนัดตกค้างที่เหลืออยู่
เนื่องจาก จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และมีมาตรการการป้องกันโรคโควิดอย่างมีมาตรฐาน ประกอบกับความพร้อมทุกด้าน เช่น สนามแข่งขัน, สนามบิน, โรงแรมที่พัก, สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่สนามกีฬาฟุตบอลของของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาแล้วจึงเหมาะสมแก่การเสนอให้ใช้เป็นสนามกลางสำหรับการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย กลุ่มจี รอบที่ 2 ต่อไป
ขณะที่ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยท่านนายกสมาคมฯได้ให้นโยบายถึงการเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน หากว่าเอเอฟซี มีความต้องการ เราจะได้มีข้อมูลไปให้พิจารณาได้ ซึ่งสมาคมฯ กำลังทำหนังสืออย่างเป็นทางไปถึงจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อให้ดำเนินการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เอเอฟซีได้ส่งหนังสือมาให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อให้ดำเนินการสื่อสารและตกลงกับทีมที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันในฟุตบอลโลก รอบคัดลือก เสียก่อนว่าจะเตะกันแบบเหย้าเยือนได้หรือไม่
โดยอยู่ภายใต้ข้อกำหนดต้องให้การแข่งขันเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ เท่านั้น ซึ่งหากไม่สามารถทำได้ ก็มีแนวโน้มว่าจะต้องเตะกันแบบสนามกลางโดยให้ชาติใดชาติหนึ่งที่มีความพร้อมเป็นเจ้าภาพ เช่นเดียวกับในศึกสโมสรเอเชีย หรือ เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพนั่นเอง โดย เอเอฟซี ต้องการคำตอบดังกล่าวภายในเดือนนี้ และหากว่าจำเป็นที่จะต้องหาสนามที่เป็นกลางจริงๆ ก็คาดว่าเอเอฟซี จะทำหนังสือสอบถามไปยังชาติต่าง ๆ ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564