วันพุธ, กุมภาพันธ์ 5, 2025

บุรีรัมย์-สุรินทร์ : หนุ่มใหญ่ซิ่งเก๋งแซงไม่พ้น เสียหลักประสานงาน รถพังยับ-เครื่องยนต์หลุด เจ็บสาหัส

0

หนุ่มใหญ่ซิ่งเก๋งแซงไม่พ้น เสียหลักประสานงาน รถพังยับ-เครื่องยนต์หลุด เจ็บสาหัส

4-5 minutes


สุรินทร์ หนุ่มใหญ่วัย 42 ปี ซิ่งเก๋งแซงไม่พ้น เสียหลักพุงชนรถเก๋งคันหน้าทะลุชนรถพ่วงบรรทุกอ้อย ประสานรถปิกพังยับ เครื่องยนต์หลุด ตัวเองเจ็บสาหัส

เมื่อช่วงสาย วันที่ 16 มกราคม 2564 ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ สถานีตำรวจภูธรปราสาท จ.สุรินทร์ ทางสายด่วนหมายเลข 191 รับแจ้ง เกิดอุบัติเหตุหมู่รถเก๋งชนรถเก๋งและเสียหลักข้ามเลนส์พุ่งชนรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อและรถปิกอัพที่วิ่งเลนส์สวนมามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ถูกอัดก๊อปปี้ติดภายในรถยนต์อาการสาหัส

หลังจากรับแจ้งเหตุจึงได้ประสานไปทาง ร.ต.ท.นรุตม์ โพชะโน พนักงานสอบสวนเวรสถานีตำรวจภูธรปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงปราสาท ให้รุดออกไปตรวจสอบเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ จุด อ.ปราสาท หน่วยกู้ชีพตำบลเชื้อเพลิง

สถานที่เกิดเหตุทางหลวงหมายเลข 214. สุรินทร์-ปราสาท หลักกิโลเมตรที่ 22-23 บริเวณหน้าก่อนถึงผกาเสร็น เขตพื้นที่ ม.14 ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ในที่เกิดเหตุพบรถเก๋งส่วนบุคคล ยี้ห้อ Toyota Vios สีดำ หมายเลขทะเบียน กต-7414 สุรินทร์ ในสภาพด้านข้างเกิดร่องรอยบุบพังเสียหาย จอดเสียหลักอยู่บริเวณริมไหล่ทาง ทราบชื่อผู้ขับขี่ นายสมประสงค์ สุระสอน อายุ 52 ปี ขับรถเก๋งมาคนเดียวไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ถัดไปในจุดเกิดเหตุพบรถเก๋งส่วนบุคคล ยี่ห้อ Toyota Vios สีขาว หมายเลขทะเบียน กว-9010 ระยอง ในสภาพเครื่องยนต์กระเด็นออกจากตัวรถเก๋งพังเสียหายยับเยินทั้งคันเสียหลักอยู่บริเวณกลางทางถนนขาเข้าเมืองสุรินทร์ ถัดไปพบผู้ได้รับบาดเจ็บชาย 1 ราย ทราบชื่อผู้ขับขี่ นายวิทูล จันประทักษ์ อายุ 42 ปี ในสภาพถูกอัดก๊อปปี้ติดภายในรถเก๋งในเวลาต่อมาทางอาสาหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ จุด อ.ปราสาท เข้าสนับสนุนให้การช่วยเหลือร่วมกับหน่วยกู้ชีพตำบลเชื้อเพลิง สามารถช่วยเหลือนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากตัวรถได้ก่อนรถอุปกรณ์ตัด-ถ่าง จะมาถึงที่เกิดเหตุจากการตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดที่ขาฉกรรจ์ขาขวาลักษณะผิดรูปชัดเจน ยังจำได้ ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ที่จุดเกิดเหตุส่งต่อให้รถ ALS หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลปราสาท ดำเนินการช่วยเหลือนำส่งสถานพยาบาลเป็นการเร่งด่วน

ถัดไปในจุดเกิดเหตุพบรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกอ้อย สีขาว หัวลากหมายเลขทะเบียน 70-3837 สุรินทร์ ลูกพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-3836 สุรินทร์ บรรทุกอ้อยมาเต็มคันในสภาพถูกรถเก๋งคันดังกล่าวขับเสียหลักพุ่งข้ามเลนส์มาชนที่ด้านข้างรถบรรทุกอ้อยส่งผลให้ยางหลังลูกพ่วงรถบรรทุกเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเกิดไฟลุกไหม้พังเสียหายจอดขวางการจราจรขาเข้า อ.ปราสาท 1ช่อง ทาง จึงได้ประสานขอรถน้ำจากหน่วยป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลกังแอนเข้าสนับสนุนในเวลาต่อมาสามารถดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ได้สำเร็จ จากการตรวจสอบแล้วพบคนขับรถบรรทุกไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ถัดไปในจุดเกิดเหตุพบรถปิกอัพ ยี่ห้อ Toyota Hilux Vigo สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน บพ-9402 สุรินทร์ ในสภาพถูกชนเข้าที่ด้านหน้ารถอย่างจังเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพังเสียหายยับเยินเสียหลักพุ่งตกข้างทางมีผู้โดยสารมากับรถปิกอัพ 4 ราย ทราบชื่อผู้ขับขี่ นายสมโภช ยอดรัก อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากการเข้าตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บที่โดยสารมาในรถปิกอัพอีกจำนวน 3.ราย ทราบชื่อ นางสาวนันทนา สมานมิตร อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ต้นขารู้สึกตัวดี ส่วนเด็กน้อยอีก2.รายนั่งภายในแคปรถปิกอัพมีอาการปวดศรีษะและจุกแน่นหน้าอกรู้สึกตัวดี ต่อมาทางหน่วยกู้ชีพตำบลเชื้อเพลิง ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ จุด อ.ปราสาท เข้าให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นส่งต่อให้รถหน่วยกู้ชีพตำบลเชื้อเพลิง เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บนำส่งสถานพยาบาลเป็นการเร่งด่วน.

จากการสอบถามคนขับรถเก๋งคันที่ประกอบเหตุ ทราบชื่อ นายสมประสงค์ สุระสอน อายุ52 ปี เล่าเหตุการณ์ ให้ฟังว่าตนเองได้ขับรถเก๋งมาจากในตัวอำเภอปราสาทเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปทาง จ.สุรินทร์ ตนกำลังจะขึ้นแซงเข้าไปในเลนส์ในขณะมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณดังกล่าวได้มีรถเก๋งอีกคันขับรถมาด้วยความเร็วและพยายามขับแซงซ้อนเข้าไปในช่องทางเส้นเหลืองทึบแต่แซงไม่พ้นจึงได้พยายามหักหลบเข้ามาหารถเก๋งของตนและชนประกอบเหตุส่งผลให้รถเก๋งคันดังกล่าวเสียหลักหมุนอยู่กลางทางก่อนจะพุ่งชนกับรถพ่วง18.ล้อบรรทุกอ้อยและหมุนกระเด็นมาชนประสางากับรถปิกอัพที่วิ่งมาจากทางเดียวกันเสียหลักตกข้างทางตนจึงได้รีบจอดรถลงไปตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีให้ช่วยแจ้งเหตุ ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่อาสากู้ชีพตำบลเชื้อเพลิงและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท เข้ามาให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน

ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเบื้องต้น ร.ต.ท.นรุตม์ โพชะโน พนักงานสอบสวนเวรสถานีตำรวจภูธรปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้ทำการเข้าตรวจสอบเก็บภาพและข้อมูลเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นจะได้เรียกคนขับรถที่ประกอบเหตุทั้งหมดรวมถึงพยานในที่เกิดเหตุเพื่อมาสอบถามหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อเหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป

Source :

siamrath.co.th /n/212383

บุรีรัมย์ – ตำรวจบุรีรัมย์บุกจับวงไพ่แอบเล่นกันในบ้าน

0

17  ม.ค.64 พ.ต.อ.มานิตย์   สร้อยจิตร   ผู้กำกับการ สภ.เฉลิมพระเกียรติ  จ.บุรีรัมย์  ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีชาวบ้านลักลอบมั่วสุมเล่นการพนันภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.เจริญสุข  อ.เฉลิมพระเกียรติ  จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน   ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอ ลงพื้นที่ตรวจสอบ

เมื่อไปถึงบ้านปูนชั้นเดียวหลังหนึ่งตามที่ได้รับแจ้ง   เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม    ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนักพนัน  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และผู้สูงอายุ  ก็พยายามจะวิ่งหลบหนี บางคนก็อ้างว่าไม่ได้เกี่ยวแค่มาขอเข้าห้องน้ำเท่านั้น   แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ  จึงได้ควบคุมตัวไปโรงพัก พร้อมของกลาง  ไพ่ 1 สำรับ  ผ้าปูสำหรับรองเล่น 1 ผืน   ซึ่งชาวบ้านที่มาตั้งวงเล่นการพนันไม่ได้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า   ทั้งไม่ได้มีการเว้นระยะห่าง  ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ข้อหา นางจำนง   และ น.ส.สุนิสา   ฐาน “ร่วมกับพวกที่หลบหนีลักลอบเล่นการพนันไพ่(ผสมสิบ) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยผิดกฎหมาย และมั่วสุม โดยไม่มีสิ่งป้องกันตนเอง ไม่มีการเว้นระยะห่าง เป็นการเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19  ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548  มาตรา 18 ฐาน ร่วมกันชุมนุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ”  
 

บุรีรัมย์ – “สาวมิตซูบิชิ” ดวงเฮงถูกรางวัลที่ 1 รับทรัพย์ 6 ล้าน

ตามมาหลายงวดทะเบียนรถตัวเอง สาวบุรีรัมย์ ถึงคราวเฮง ถูกรางวัลที่ 1 รับเหนาะๆ 6 ล้าน

ตรงทะเบียนรถเหลือใบเดียว “สาวมิตซูบิชิ” ดวงเฮงถูกรางวัลที่ 1 รับทรัพย์ 6 ล้าน

เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ 17 ม.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวรัชฎาภรณ์ ขอพิมาย อายุ 39 ปี
ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อสุเนตร อินทมนตรี รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.ชำนิอ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์พร้อมสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่17ม.ค.64 รางวัลที่1หมายเลข 384395 จำนวน 1 ใบมูลค่า 6 ล้านบาท เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

โดยนางสาวรัชฎาภรณ์ เล่าว่าตนเองทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ในตัว อ.นางรองจ.บุรีรัมย์ เมื่อวานมีแม่ค้าขายลอตเตอรี่นำมาขายภายในโชว์รูมขายรถ โดยมีเลข 384395 เหลืออยู่ 1 ใบ

ตามมาหลายงวดทะเบียนรถตัวเอง สาวบุรีรัมย์ ถึงคราวเฮง ถูกรางวัลที่ 1 รับเหนาะๆ 6 ล้าน

โดยตนเองได้ซื้อไว้เนื่องจากเลขท้าย 395 ตรงกับเลขป้ายทะเบียน กน 2395 บุรีรัมย์ รถยนต์เก๋งของตัวเองซึ่งจะซื้อเกือบทุกงวด หลังจากทราบว่าถูกรางวัลที่1จำนวน 6 ล้านบาทตนเองดีใจสุดๆ เงินรางวัลที่ได้มาส่วนหนึ่งจะนำไปใช้หนี้ ทำบุญ และเป็นทุนการศึกษาให้ลูกต่อไป

Source :

www.amarintv.com /news/detail/63044

บุรีรัมย์ – เช็ค!! ไทมไลน์ผู้ป่วยยืนยันโควิดกทม​. เอี่ยว ชลบุรี-บุรีรัมย์-พิษณุโลก-อยุธยา

โควิดกทม. : เปิดไทม์ไลน์ 19 ราย เดินตลาด-ห้างดัง-กินชาบู-เที่ยวต่างจังหวัด

เช็คไทม์ไลน์ 19 ผู้ติดเชื้อโควิดกทม.พบไปอื้อทั้งห้างดัง “ไอคอนสยาม-ซีคอนบางแค เกตเวย์บางซื่อ ตจว. ”ชลบุรี-บุรีรัมย์-พิษณุโลก-อยุธยา “

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2564 กรุงเทพมหานคร (กทม.) สรุปจำนวนผู้ติดเชื้อระหว่างวันที่ 20 ธ.ค. 2563 – 16 ม.ค. 2564 รวมที่ 565 ราย และได้เปิดเผยไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อใหม่ประจำวัน 19 ราย ตั้งแต่รายที่ 414 – 432

โดยผู้ติดเชื้อรายที่ 414-431 เป็นผู้ป่วยใหม่มาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ ไปสถานบันเทิง มีประวัติเชื่อมโยงกับ จ.สมุทรสาคร ไปสถานที่ในชุมชน และการตรวจเชิงรุก และที่สำคัญมีทารกวัย 9 เดือนด้วย ส่วนรายที่ 432 เป็นผู้ติดเชื้อจากร้าน New Jazz Plaza

สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้ออายุ 9 เดือน พบอาศัยอยู่กับปู่ย่าที่เขตจอมทอง เมื่อทราบว่าเป็นผู้ติดเชื้อจึงพาไปตรวจและรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ส่วนอาชีพมีทั้งพนักงานบริษัท, พ่อบ้าน, ค้าขาย, นักศึกษา, รับจ้างอู่ซ่อมมอเตอร์ไซด์, พนักงานโรงงาน, ฟรีแลนซ์,และธุรกิจส่วนตัว รวมถึงมีคนงานสัญชาติเมียนมาร์ด้วย

ส่วนสถานที่ที่เปิดเผย อยู่ในโซนกรุงเทพและปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดพบไปจ.บุรีรัมย์ ชลบุรีและพิษณุโลก ประกอบด้วย วัดวชิรธรรมสาธิต สุขุมวิท 101/1, ตลาดคลองเตย โซนผลไม้, โลตัสพระราม 4, BIG C พระราม 4, วัดศรีบุญเรือง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี, บริษัท ขนส่งอาหารทะเล จ.สมุทรสาคร, ตลาดราษฎร์บูรณะ กทม., ท่าน้ำพระประแดง จ.สมุทรปราการ, ตลาดปากน้ำ จ.สมุทรปราการ, วัดปุรณาวาส ทวีวัฒนา, ตลาดศาลายา จ.นครปฐม

ตลาดซ.19 กำนันแม้น 34/1, วัดกำแพง, ตลาดบางบอน, ไอคอนสยาม, ร้านกินกันจัง จรัญสนิทวงศ์, ตลาดอินดี้ ปิ่นเกล้า, สวนรถไฟ จตุจักร, ตลาดศรีย่าน, Gateway บางซื่อ, ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย แถววัดระฆังโฆสิตาราม, ร้าน The VILLA CLUB ห้วยขวาง, ร้านคริสตัล ทองหล่อ, วัดนางพญา จ.พิษณุโลก

ตลาดโกบ๊อ รัชดาภิเษก, วัดตะโก จ.อยุธยา, ร้าน Day off ธนบุรีพลาซ่า, หาดบางแสน จ.ชลบุรี, ซีคอน บางแค เป็นต้น

Source : https://www.prachachat.net/general/news-595677

บุรีรัมย์ – สลด เมียก่อไฟให้ผัวผิงก่อนไปทำบุญ ชาวบ้านได้กลิ่นเนื้อย่าง ช็อกเจอร่างไหม้เกรียมดับอนาถ

เมียก่อไฟให้ผัวผิงแก้หนาวก่อนไปทำบุญ ชาวบ้านได้กลิ่นย่างเตะจมูก ช็อกเจอร่างไหม้เกรียมดับอนาถ

เมื่อวันที่ 17 ม.ค.64 เวลา 08.00 น. พ.ต.ท.สันต์ เทียมวงศ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีคนถูกไฟไหม้เสียชีวิต จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุดอ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และแพทย์เวร รพ.บ้านใหม่ไชยพจน์ เข้าร่วมตรวจสอบ

469629

โดยที่เกิดเหตุเป็นบริเวณหน้าบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ เลขที่ 36 หมู่ 4 บ้านตลาดแบ้ ต.ทองหลาง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ พบศพนายสำราญ (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านถูกไฟไหม้บนกองไฟ ในสภาพนอนหงาย โดยไฟได้ไหม้ครึ่งตัวตั้งแต่ท่อนเอวไปถึงศีรษะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

661760

สอบถามนายเรืองเดช เนตรไธสง อายุ 56 ปี เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงเวลาดังกล่าวตนได้กลิ่นไหม้คล้ายเสื้อผ้าถูกเผาหรือกลิ่นเนื้อย่าง จึงผิดสังเกตเดินออกตระเวนดูรอบ ๆ เมื่อมองไปหน้าบ้านนายสำราญ เห็นคล้าย ๆ สิ่งของอยู่กลางกองไฟ จึงเดินไปดูใกล้ ๆ พบไฟกำลังลุกไหม้ร่างนายสำราญ ด้วยความตกใจจึงคว้าเอาน้ำที่อยู่ใกล้มือมาราด แต่ไม่เป็นผล จึงตะโกนให้ชาวบ้านมาช่วยแต่ไม่ทัน เพราะไฟได้ลุกไหม้เกือบทั่วร่างแล้ว

738274

ด้านนางนวล (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ช่วงนี้อากาศหนาว ตนจะก่อกองไฟทุกเช้า แล้วผิงไฟด้วยกัน 2 คนเป็นประจำเพื่อบรรเทาความหนาว แต่ในวันนี้ตนจะไปทำบุญที่วัดในหมู่บ้าน เนื่องจากมีการจัดงานบุญ โดยก่อนออกไปได้นำฟืนที่เก็บมากองไว้ข้างบ้านก่อจนไฟติดให้สามีนั่งเก้าอี้ผิง แล้วตนออกไปวัด

182119
757888

กระทั่งชาวบ้านไปเรียกให้กลับบ้านด่วน เพราะมีเรื่อง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นเรื่องอะไร เพรากลัวตนช็อก เมื่อมาถึงพบว่าสามีถูกไฟคลอกเสียชีวิตแล้ว ส่วนสาเหตุคาดว่าสามีน่าจะล้มใส่กองไฟเอง เพราะมีโรคประจำตัวหลายโรค โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เวลาจะลุกนั่งตนต้องช่วยจับตลอดเวลา ครั้งนี้คาดว่าสามีน่าจะพยายามขยับตัว แล้วล้มลงใส่กองไฟ แต่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

https://www.amarintv.com/news/detail/63009

บุรีรัมย์ – รับมือให้ดี พรุ่งนี้ 13 องศา

0

17 มกราคม 2564 เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศจังหวัดบุรีรัมย์คาดหมายจะมีอุณหภูมิต่ำสุด 13 องศาเซลเซียส

เตือนหนาวอีก! อุตุฯ เผยอีสานอุณหภูมิลดฮวบ 4-6 องศา ภาคใต้คลื่นสูง 2-3 เมตร ลมแรง ฝนเล็กน้อย

เมื่อเวลา 05.30 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศข้อมูลพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 17 มกราคม ว่า ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันนี้ (17 ม.ค. 64) ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลงและมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศจังหวัดบุรีรัมย์ระบุสภาพอากาศวันนี้ถึงพรุ่งนี้ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

โดยสภาพอากาศ 7 วันข้างหน้า ในช่วงวันที่ 17 – 20 ม.ค. 64 อากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 7-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 23-26 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และ อุณหภูมิต่ำสุด 4-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21 – 23 ม.ค. 64 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

พยากรณ์อากาศระยะ 7 วัน บริเวณภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 17-23 ม.ค.2564

บุรีรัมย์-พบศพหนุ่มปวช.วัย15 พร้อมจยย.ตกร่องกลางถนน ป้าเชื่อการ้องทักลางบอกเหตุ

0

พบศพหนุ่มปวช.วัย15 พร้อมจยย.ตกร่องกลางถนน ป้าเชื่อการ้องทักหน้าบ้าน 2-3 วันติดเป็นลางบอกเหตุ เผย 3 ปีการ้องทักก่อนเกิดเหตุไฟคลอกหลานอีกคนดับคาบ้าน

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 ศูนย์วิทยุ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งพบศพชายวัยรุ่นเสียชีวิต อยู่บริเวณเกาะกลางถนนทางหลวงหมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม ช่วง กม.ที่ 132-133 อ.เฉลิมพระเกียรติ และมีซากรถจักรยานยนต์อยู่ข้างศพ คาดว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ พร้อมหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายรัฐภูมิ หรือไนท์ อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษา ปวช. วิทยาลัยแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง เสียชีวิตในลักษณะหัวทิ่มพื้นอยู่ในร่องเกาะกลางถนน สภาพศพมีบาดแผลบริเวณใบหน้า กะโหลกศีรษะยุบ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 1 กพ 8368 บุรีรัมย์ ด้านหน้าพังเสียหาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจงสันนิษฐานว่าน่าจะขับรถชนท้ายรถยนต์คันหน้าอย่างแรง จนรถเสียหลักตกลงไปในร่องเกาะกลางถนน จึงให้หน่วยกู้ภัยนำศพส่งโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนจะมอบศพให้ญาติกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ด้านนางแอนนา ชาญประโคน อายุ 65 ปี ป้าของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากน้องไนท์ไปเรียนที่ อ.นางรอง โดยพักอยู่หอกับเพื่อน จะกลับมาที่บ้านสัปดาห์ละครั้งในช่วงวันหยุด ล่าสุดเพิ่งกลับมาช่วงปีใหม่ แต่ไปบ้านตา ส่วนตนอยู่อีกหลัง วันเกิดเหตุ ไม่รู้ว่าหลานขับรถมาจากไหนหรือจะไปไหน รู้อีกทีตอนเช้ามีคนพบศพอยู่ในร่องเกาะกลางถนนแล้ว ตกใจและเสียใจ

นางแอนนา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุมีนกกาบินมาร้องทักอยู่ใกล้บ้าน 2-3 วัน ติดต่อกัน ตนพยายามไล่ไป เพราะเชื่อว่าจะเป็นลางไม่ดี และตะโกนออกไปว่า “จะบินมาทำไม อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะ” กระทั่งมาเกิดเหตุหลานเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ปี เคยเกิดลักษณะแบบนี้ คือมีกาบินวนเวียนมาร้องทักเหมือนกัน จากนั้นก็เกิดเหตุไฟไหม้บ้านและหลานถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาบ้าน จึงเชื่อว่าหากมีนกกาบินมาทักก็จะเกิดเรื่องไม่ดี

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_5737883

บุรีรัมย์-เซียนหาปลาทนหนาวไม่ไหว ดิ้นขึ้นมาจากน้ำชักดับคากองไฟ

เซียนหาปลา ชาวบ้านสระแก อ.สตึก บุรีรัมย์ ไม่สนอากาศหนาว ออกไปหาปลาในกุดน้ำเพียงลำพัง ชาวบ้านพบเป็นศพแข็งข้างกองไฟข้างกุดน้ำ คาดอากาศหนาวจัด แต่ผู้ตายยังฝืนลงกุดน้ำซึ่งเป็นจุดลึกและเย็นสุด แล้วทนต่อความหนาวเย็นไม่ได้พยายามขึ้นมาแล้วมาผิงไฟที่ก่อไว้ อาจจะช็อคระหว่างนั้นจนเสียชีวิต


วันที่ 15 ม.ค.64 ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์  กิจไธสง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีคนเสียชีวิต ที่กุดน้ำ (บึงน้ำ) ชาวบ้านเรียกว่ากุดจับ จึงประสานหน่วยกู้ภัยวังกรูด อ.สตึก ร่วมตรวจสอบ


ที่เกิดเหตุบริเวณข้างกุดน้ำ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กม.บริเวณข้างกุด พบศพบนายประวิทย์ นามทอง อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 15 ม.1 บ้านสะแก ต.สะแก อ.สตึก นอนเสียชีวิตข้างกองไฟ ในสภาพใส่กางเกงในชั้นตัวเดียว คาดเสียชีวิตมาประมาณ 2 ชม


บริเวณรอบๆ พบกางเกงขาสั้น และเสื้อแขนสั้น ซึ่งเป็นของผู้ตายกองอยู่ และพบตาข่ายดักปลาแขวนไว้ต้นไม้ ตรวจสอบ ไม่มีร่องรอยบาดแผลตามร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้บริเวณนั้น


สอบถามนายเรื่องวิทย์ อำไพพิศ อายุ 36 บ้านเลขที่ 7 ม.1 บ้านสะแก คนพบศพคนแรก เล่าว่า ตนขับรถมาเล่นที่กุดน้ำเพื่อมาเอาบรรยากาศ เดินไปมาพบผู้ตายซึ่งรู้จักกันดี นอนอยู่ คิดว่านอนหลับ แต่ผิดสังเกตตรงที่ไม่สวมเสื้อผ้า จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าตัวแข็งแล้ว จึงรีบไปแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ


จากการสอบถามนางรัตนพร นามทอง แม่คนตาย อายุ 60 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกชายออกไปดูตาข่ายที่ใส่ไว้แล้วก่อนหน้านี้ แล้วเงียบหายไป กระทั่งมีผู้ใหญ่บ้านมาแจ้งว่า น้องชายเสียชีวิต ทางครอบครัวไม่ติดใจการเสียชีวิต

เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายอาจจะลงไปเก็บปลาที่ใส่ตาข่ายเอาไว้ แต่ทนกับสภาพน้ำที่หนาวเย็นไม่ได้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นจุดที่ลึกและเย็นที่สุด จึงพยายามขึ้นฝั่งเพื่อมาผิงไฟที่ตัวเองก่อเอาไว้ แต่อาจจะทนกับสภาพอากาศหนาวไม่ได้ จึงช็อคเสียชีวิต ประกอบกับผู้ตายไปเพียงคนเดียว จึงไม่มีใครมาช่วยระหว่างช็อค

https://www.banmuang.co.th/news/region/219506

บุรีรัมย์-พิจารณางบประมาณต้านโควิด19

0

จ.บุรีรัมย์ พิจารณางบประมาณเพื่อป้องกันและยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต่อเนื่อง วันนี้ ( 15 ม.ค.64) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมพนมรุ้ง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์

นายดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินการในเชิงป้องกันภัยพิบัติจังหวัดบุรีรัมย์ กรณีโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ร่วมกับ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ครั้งที่ 1/2564

เพื่อประเมินสถานการณ์ ความจำเป็นในการดำเนินการป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติ ติดตามผลการดำเนินงาน และ พิจารณาสนับสนุนงบประมาณโครงการในเชิงป้องกันหรือยังยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จังหวัดบุรีรัมย์

โดยวันนี้ ประธานที่ประชุมได้แจ้งให้ทราบถึงการดำเนินการป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 ข้อ 18 ที่บัญญัติว่า เมื่อเป็นที่คาดหมายว่าจะเกิดภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินขึ้นในเวลาอันใกล้ และจำเป็นต้องรีบดำเนินการโดยฉับพลัน ให้ส่วนราชการดังต่อไปนี้อาจใช้เงินทดรองราชการเชิงป้องกันหรือยับยังภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินได้

โดยไม่ต้องประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน และ ประกาศกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฉบับลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และแนวทางในการใช้จ่ายเงินทดรองราชการ

เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) รวมทั้งเรื่องการกำหนดอัตราค่าตอบแทน และการเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน และรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทุกประเภท

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา เรื่องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการในเชิงป้องกันหรือยังยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจังหวัดบุรีรัมย์กรณีโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์สำหรับการตรวจคัดกรองและป้องกันการระบาดของโรคฯ เช่น หน้ากากอนามัย เทอร์โมแสกน น้ำยาฆ่าเชื้อ เจลแอลกอฮอร์

โดยมีหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุน ดังนี้ สำนักงานขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ และ สำนักงานขนส่งสาขา 3 สาขา สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ที่ทำการปกครองจังหวัดบุรีรัมย์ และตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์

#ทีมข่าวสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์

บุรีรัมย์ – โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ กำลังมีโครงการก่อสร้างอาคารเรียนที่จังหวัดบุรีรัมย์

0

บุรีรัมย์ – โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ กำลังมีโครงการก่อสร้างอาคารเรียนที่จังหวัดบุรีรัมย์ บริเวณถนนเส้นทางไปชุมเห็ด

สำหรับ“โรงเรียนในเครือสารสาสน์” โรงเรียนที่เคยมีรายได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศโดยมีนายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์ จากวันแรกมีนักเรียนเพียง 400 คน กระทั่งปัจจุบันมีนักเรียนกว่า 90,000 คน สู่โรงเรียนที่เคยได้ชื่อว่ามีรายได้มากที่สุดในประเทศ เผยเหตุผลสร้างโรงเรียนเพราะต้องการให้ครูมีรายได้.

นายพิบูลย์ มาจากครอบครัวที่เป็นสัตบุรุษ วัดนักบุญมาการีตา บางตาล มีพี่น้อง 9 คน เขาต้องไปอยู่บ้านเณรที่ “สามเณราลัยแม่พระนิรมลราชบุรี” หรือเด็กวัดในศาสนาคริสต์ เขาเรียนที่โรงเรียนบางตาล แล้วย้ายไปเรียนที่โรงเรียนดรุณานุเคราะห์ บางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม จนจบมัธยมฯ 6 เริ่มต้นชีวิตครูครั้งแรกตั้งแต่อายุ 18 ปี ที่ดรุณานุเคราะห์.

เป็นครูอยู่เกือบปี เขาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มุ่งมั่นจะมาเรียนต่อด้านก่อสร้าง แต่ไม่มีเงิน สุดท้ายต้องกลับเข้าสู่เส้นทางวิชาชีพครูอีกครั้งที่โรงเรียนเปรมฤดี สอนไปด้วย เรียนไปด้วย โดยสอบเทียบวุฒิ ม.8 วัดสุทัศน์ฯ แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร สอนที่เปรมฤดีได้ 9 ปี พิบูลย์ตัดสินใจออกมาร่วมหุ้นกับเพื่อนทำโรงเรียนแห่งแรก คือ สารสาสน์พิทยา สาธุประดิษฐ์ เป็นทั้งผู้บริหาร ครูใหญ่ ครูน้อย ออกข้อสอบ พิมพ์ข้อสอบ ทำไปทำมาเพื่อนถอนหุ้นหมด.

ปี 2512 พิบูลย์ ชวนพี่สาวมาร่วมหุ้น เช่าที่ของกรมธนารักษ์ สร้างโรงเรียนแห่งที่ 2 คือ สารสาสน์พัฒนา ลุยอยู่ 2 ปี ไม่มีกำไร พี่สาวตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมด ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนใหม่ เพราะหากทำแค่โรงเรียนสายสามัญ เก็บค่าเล่าเรียนเทอมละ 450 บาท ไม่มีทางได้กำไรคืนทุนแน่ เขาหันไปลงทุนเปิดโรงเรียนพาณิชย์สาธุประดิษฐ์ เนื่องจากโรงเรียนพาณิชย์สามารถเก็บค่าเล่าเรียนได้ถึง 3,000 บาท เริ่มปีแรกมีเด็กสมัครเรียนเพียง 80 คน ปีต่อๆ มามีเด็กจบ ม.3 มาสมัครเกือบ 500 คน ประกอบกับแนวคิดเรื่องการเรียนสายอาชีพเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้โรงเรียนพาณิชย์สร้างรายได้เติบโต อย่างต่อเนื่องและจุนเจือโรงเรียนสายสามัญทั้งสองแห่ง.

พิบูลย์มองไปไกลอีกว่า โรงเรียนต้องมีการพัฒนาด้านภาษา เขาจัดการส่งลูกชาย 2 คนไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งนั่นเป็นที่มาของการทดลองเปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษ “เอ็กซ์ตร้า” ที่ “สารสาสน์พิทยา” ก่อนเปิดเป็นโรงเรียนสองภาษาแห่งแรกใช้ชื่อว่า สารสาสน์เอกตรา เมื่อปี 2537.

การเปิดโรงเรียนสองภาษาถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ “สารสาสน์” เนื่องจากหลักสูตรสองภาษา สามารถเพิ่มอัตราค่าเล่า เรียนแบบก้าวกระโดดจากไม่กี่ร้อยบาทเป็นปีละ 20,000 บาท ขณะเดียวกัน ปรับเพิ่มวิชาภาษาอังกฤษในหลักสูตรสายสามัญ โดยคิดค่าเรียนเพิ่มจากปกติอีก 4 วิชา 4,000 บาท เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกได้เรียนภาษาอังกฤษเข้มข้นขึ้น เพียงแต่มีเงื่อนไขคือ ใช้ครูไทยเป็นผู้สอน ไม่ใช่ครูต่างชาติเหมือนหลักสูตรสองภาษา.

จากโรงเรียนสายสามัญแห่งแรกที่สารสาสน์พัฒนา ค่าเทอมเทอมละ 450 บาท วันนี้เพิ่มเป็น 3,000 บาท บวกวิชาภาษาอังกฤษอีก 4 วิชา 4,000 บาท หลักสูตรสองภาษาจากปีละ 20,000 บาท เป็น 50,000-60,000 บาท ล่าสุด พิบูลย์เริ่มเปิดหลักสูตรนานาชาติที่สารสาสน์วิเทศบางบอน คิดค่าเล่าเรียนปีละ 1 แสนบาท เพื่อขยายตลาดในกลุ่มชนชั้นกลาง.

จนถึงล่าสุด เครือสารสาสน์มีโรงเรียนทั้งหมดเเกือบ 50 แห่ง(ปี2555) แบ่งเป็นโรงเรียนหลักสูตรสองภาษา หลักสูตรสามัญและหลักสูตรอาชีวศึกษาอีก โดยเฉพาะช่วง 20 ปีหลัง สารสาสน์ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว ทั้งการสร้างโรงเรียนและซื้อกิจการโรงเรียนเก่ามาทำใหม่.

นายพิบูลย์เคยได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมเลือกทำเลเอง ผมมีนายหน้าหาที่ดินแล้วก็นั่งรถไปดูที่ อย่างเวลานี้เป็นยุคของหมู่บ้านจัดสรร คนซื้อบ้านต้องมีครอบครัว มีลูกก็ต้องไปโรงเรียน หมู่บ้านจัดสรรต้องอาศัยโรงเรียน บางแห่งมีกฎข้อบังคับต้องเหลือที่ดิน 7-8 ไร่ เปิดโรงเรียนเพื่อแลกสิทธิประโยชน์บีโอไอ ไม่ต้องเสียภาษี ที่หมู่บ้านสยาม พระสมุทรเจดีย์ ก็แบบนี้ ผมเปิดโรงเรียนสารสาสน์สมุทรสารมีเด็กร่วม 3,000 คน”.

สำหรับการลงทุนโรงเรียนแห่งหนึ่งใช้เงินไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าที่ดิน 20-30 ไร่ ประมาณร้อยกว่าล้าน ก่อสร้างอาคารอีก 70-80 ล้านบาท พิบูลย์บอกว่า ธนาคารยินดีปล่อยเงินกู้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีหลักประกันด้านรายได้จากหลักสูตรสองภาษา ต้องการเงินลงทุนก็กู้ ปีหนึ่งเสียดอกเบี้ยปีละ 70 ล้านบาท.

นายพิบูลย์เคยยอมรับว่า สารสาสน์โตได้เพราะสองภาษา ถ้าเปิดสอนเฉพาะสายสามัญ อาศัยเพียงเงินค่าเทอมไม่กี่พันบาทและเงินอุดหนุนจากรัฐ ไม่มีทางขยายสาขาได้มากมาย จากนักเรียนสารสาสน์พิทยารุ่นแรกเพียง 400 คน วันนี้เครือสารสาสน์ทั้งหมดเกือบ 50 แห่ง มีนักเรียนรวมกว่า 90,000 คน เพิ่มขึ้นปีละ 4,000-5,000 คน .

ซึ่งหมายถึงสารสาสน์ยังขยายได้อีกไม่จำกัด แต่ปัจจัยสำคัญมาจากคุณภาพและการไม่หวังกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว เขาขยายโรงเรียนสารสาสน์ไม่หยุดไม่ใช่ไม่รู้จักพอ ทั้งที่โรงเรียนแห่งเดียวก็กินใช้ได้ไม่หมด แต่ทำเพราะครูส่วนใหญ่ยังลำบาก อยากช่วยครูมีรายได้ ครูมีเงินซื้อรถยนต์ อยู่ดีกินดี จุดสูงสุดคือ ครูมีรายได้ดี โรงเรียนไปได้ดี และเด็กมีคุณภาพ ทั้งหมดมาจากความเป็นครูที่เริ่มจาก “ศูนย์” ทำให้ “สารสาสน์” ขยายใหญ่โตได้อย่างทุกวันนี้ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000100339