วันพุธ, กุมภาพันธ์ 5, 2025

กรมทางหลวงทุ่มงบ 900 ล้านขยายทางหลวง 2208 ประโคนชัย-กระสัง

0

กรมทางหลวง ทุ่ม 5.3 หมื่นล้าน ตัดถนน 73 สายทั่วไทย บูมการค้า-ท่องเที่ยวเชื่อมอีอีซี

กรมทางหลวงทุ่ม 5.3 หมื่นล้าน ปักหมุด 73 โครงข่ายใหม่ หนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน อีอีซี ไฮสปีด ซี.พี. ทางคู่ มอเตอร์เวย์เชื่อมโยงการเดินทาง ระบบโลจิสติกส์ ระหว่างภาคและระหว่างประเทศ แก้จุดตัดรถไฟ ทะลวงรถติดกรุงเทพฯ ปริมณฑล เมืองหลัก บูมเศรษฐกิจ การค้า ท่องเที่ยวทั่วไทย เริ่มสร้างปีนี้ เสร็จปี’66

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ปี 2564 กรมได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวน 125,946 ล้านบาท ในนี้มีถนนสายทางใหม่จะก่อสร้าง จำนวน 73 โครงการ รวม 1,016 กม. วงเงิน 53,405 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างปี 2564-2566 แยกเป็นปี 2564 จำนวน 10,681 ล้านบาท ปี 2565 จำนวน 21,362 ล้านบาท และปี 2566 จำนวน 21,362 ล้านบาท

หนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ

รายละเอียดโครงการประกอบด้วย 1.สนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส กาญจนบุรี เชียงราย และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 5 โครงการ รวม 27 กม. วงเงิน 4,200 ล้านบาท มีขยาย 4 ช่องจราจรถนน 4056 นราธิวาส-อ.สุไหงโก-ลก ตอนบ้านโคกตา-บ้านกือบงกาแม จ.นราธิวาส 11.5 กม. วงเงิน 520 ล้านบาท

ปรับปรุงจุดตัดถนน 323 กับถนน 367 แยกท่าล้อ จ.กาญจนบุรี วงเงิน 450 ล้านบาท, ทางเลี่ยงเมืองเชียงของ 9.103 กม. วงเงิน 1,100 ล้านบาท, ทางเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทราด้านเหนือ 5.886 กม. วงเงิน 1,150 ล้านบาท และทางเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทราด้านใต้ สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง วงเงิน 980 ล้านบาท

2.โครงข่ายเชื่อมโยงระหว่างภาคและเพิ่มประสิทธิภาพถนนสายหลัก จำนวน 2 โครงการ รวม 58 กม. วงเงิน 1,400 ล้านบาท มีถนนสาย 41 บ้านเขาบ่อ-บ้านท่าทอง จ.ชุมพร 42.5 กม. วงเงิน 720 ล้านบาท และถนนสาย 2 ช่วงอุดรธานี-อ.สระใคร จ.อุดรธานี 15.19 กม. วงเงิน 680 ล้านบาท

3.สร้างสะพานข้ามจุดตัดทางรถไฟ 5 โครงการ วงเงิน 1,300 ล้านบาท มีสะพานข้ามทางรถไฟ 2 ช่องจราจร ช่วงบ้านป่า-ท่าคร้อ จ.สระบุรี รับรถไฟทางคู่ช่วงมาบกระเบา-ชุมทางจิระ วงเงิน 240 ล้านบาท, ทางเลี่ยงเมืองจักราช จ.นครราชสีมา วงเงิน 290 ล้านบาท

สะพานข้ามทางรถไฟ 2 ช่องจราจร ช่วงศรีราชา-อ่างเก็บน้ำหนองค้อ จ.ชลบุรี รับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วงเงิน 390 ล้านบาท, แก้จุดตัดทางรถไฟช่วงห้วยทราย-ปากพะยูน จ.พัทลุง วงเงิน 180 ล้านบาท และแก้จุดตัดรถไฟแยกถนนสาย 41 (สมอทอง)-ชายทะเล จ.สุราษฎร์ธานี วงเงิน 200 ล้านบาท

ทุ่ม 4.2 หมื่นล้านยกเครื่องถนน

4.ก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน 58 โครงการ รวม 834 กม. วงเงิน 42,555 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมก่อสร้างถนน จำนวน 45 โครงการ รวม 752 กม. วงเงิน 33,955 ล้านบาท เช่น ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ด้านตะวันออก ตอนแยกถนนสาย 117-บรรจบสาย 225 จ.นครสวรรค์ 22 กม. วงเงิน 3,200 ล้านบาท

เพิ่มประสิทธิภาพการจราจรบนถนนสาย 11 อ.อินทร์บุรี-อ.สากเหล็ก ตอนไดตาล-เขาทราย จ.นครสวรรค์-พิจิตร รวม 59.523 กม. วงเงิน 3,000 ล้านบาท, แก้ไขปัญหาจราจรถนนสาย 4 ช่วงบ้านตำหนัง-แยกโคนเคียน จ.พังงา 19 กม. วงเงิน 1,350 ล้านบาท

เพิ่มประสิทธิภาพการจราจรถนน 205 ช่วง อ.เทพสถิต-อ.บำเหน็จณรงค์ ตอนบ้านช่องสำราญ-บ้านคำปิง จ.ชัยภูมิ 36.380 กม. วงเงิน 1,360 ล้านบาท และขยาย 4 ช่องจราจรถนน 1202 ช่วงพะเยา-บ้านสันต้นแหน จ.พะเยา 29.282 กม. วงเงิน 1,100 ล้านบาท, ขยาย 4 ช่องจราจรถนน 2208 ช่วง อ.ประโคนชัย-บ.ระกา 24 กม. วงเงิน 900 ล้านบาท เป็นต้น

ผุดทางต่างระดับ-สะพาน-อุโมงค์

กิจกรรมก่อสร้างทางแยกต่างระดับ สะพาน และท่ออุโมงค์ จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 3,930 ล้านบาท ได้แก่ ทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร วงเงิน 600 ล้านบาท, ทางแยกต่างระดับจุดตัดถนน 290 กับถนน 304 จ.นครราชสีมา วงเงิน 1,580 ล้านบาท, สะพานลอยกลับรถบนถนนพหลโยธิน บริเวณบ้านขะแมบ ขาเข้า-ขาออก จ.พระนครศรีอยุธยา วงเงิน 300 ล้านบาท

ทางแยกต่างระดับจุดตัดถนนสาย 4 กับสาย 406 (แยกคูหา) จ.สงขลา วงเงิน 950 ล้านบาท, ปรับปรุงแยกท่ายาง จ.เพชรบุรี วงเงิน 100 ล้านบาท และทางแยกต่างระดับเชื่อมมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา กับถนนสาย 1120 จ.นครราชสีมา วงเงิน 400 ล้านบาท

แก้รถติด กทม.-เมืองหลัก

กิจกรรมแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองหลัก 2 โครงการ ระยะทาง 14 กม. วงเงิน 1,620 ล้านบาท มีก่อสร้างทางคู่ขนานถนน 304 ทางคู่ขนาน 6 กม. กับสะพานกลับรถ ช่วงแยกบางบัวทอง-คลองเจ๊ก จ.นนทบุรี วงเงิน 920 ล้านบาท และขยายถนนสาย 3 ช่วงบ้านบางปูใหม่-บ้านบางปู จ.สมุทรปราการ 6.94 กม. วงเงิน 700 ล้านบาท

กิจกรรมขยาย 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 จำนวน 3 โครงการ รวม 59 กม. วงเงิน 2,650 ล้านบาท มีถนน 225 ช่วงนครสวรรค์-ชัยภูมิ ตอน อ.หนองบัวระเหว-อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ 12.455 กม. วงเงิน 520 ล้านบาท, ช่วงนครสวรรค์-ชัยภูมิ ตอนบ้านศรีมงคล-อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ 20.102 กม. วงเงิน 1,000 ล้านบาท และถนน 229 ช่วง อ.มัญจาคีรี-แยกช่องสามหมอ จ.ขอนแก่น 26.335 กม. วงเงิน 1,130 ล้านบาท

กิจกรรมก่อสร้างทางหลวงเชื่อมต่อระบบขนส่ง 1 โครงการ เป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรบนถนน 4085 ช่วงปากน้ำเทพา-บ้านบันนังดามา ตอนบ้านปลักบอ-บ้านทุ่งโหนด จ.สงขลา 9.5 กม. วงเงิน 400 ล้านบาท เชื่อมโยงสถานีรถไฟเทพา

เร่งเชื่อมโยงระหว่างประเทศ

และ 5.ก่อสร้างทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ 3 โครงการ รวม 97 กม. วงเงิน 3,950 ล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาถนน 202 ช่วง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด-ยโสธร 26.177 กม. วงเงิน 1,110 ล้านบาท โครงการพัฒนาถนน 202 ช่วงบ้านน้ำลึก-บ้านหนองผือ จ.ร้อยเอ็ด-ยโสธร-อำนาจเจริญ-อุบลราชธานี 55.007 กม. วงเงิน 1,940 ล้านบาท

รองรับโครงข่ายสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 6 อุบลราชธานี-สาละวิน และโครงการพัฒนาถนน 1020 ช่วงเชียงราย-อ.เชียงของ ตอน อ.เทิง-บ้านต้า จ.เชียงราย 16 กม. วงเงิน 900 ล้านบาท สนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย, สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 และท่าเรือเชียงแสน

 ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : ประชาชาติธุรกิจ

ได้แต่ภาวนา!!! ‘ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร’ อาการน่าเป็นห่วง พบเชื้อดื้อยา ทีมแพทย์ช่วยสุดกำลัง

0

อาการ “ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร” ยังน่าเป็นห่วงต้องติดตามเป็นรายชั่วโมง ลุ้นผลให้ยาปฏิชีวนะตัวใหม่หลังพบเชื้อดื้อยาหลายชนิด ขณะที่ทีมแพทย์สู้ช่วยสุดกำลัง

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยความคืบหน้าอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่า อาการของผู้ว่าฯ กลับมาวิกฤตอีกครั้ง ต้องติดตามอาการชั่วโมงต่อชั่วโมง พบมีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ปอด และพบปัญหาการดื้อยาหลายชนิด ได้มีการปรับยาปฏิชีวนะตัวใหม่ที่คาดว่าจะให้ผลดี ไวกับเชื้อแบคทีเรีย ต้องเฝ้ารอดูอาการอีก 72 ชม. ว่าจะตอบสนองต่อยาหรือไม่

นอกจากนี้ ยังเฝ้าระวังในอวัยวะคู่ขนานด้วย ซึ่งระบบการทำงานทุกอย่างปกติ โดยได้ให้ยานอนหลับเพื่อไม่ให้ผู้ว่าฯ มีการต้านเครื่องช่วยหายใจและได้รับระดับออกชิเจนอย่างเต็มที่ ส่วนการติดเชื้อโควิดถือว่าได้ยุติลดลงและมีการตรวจไม่พบเชื้อถึง 2 ครั้ง แต่ผลกระทบจากโควิดส่งผลต่อการทำงานของปอด และแบคทีเรียยังก็ทำลายเนื้อปอดด้วย

 “สิ่งที่ต้องทำคือการให้ยาปฏิชีวนะและการนำเสมหะไปเพาะเชื้อ ดูดเสมหะออกให้มากที่สุด เพื่อลดเชื้อในร่างกาย ส่วนเรื่องการทำงานของสมอง มีผลกระทบเพราะท่านมีอายุมาก และมีโรคประจำตัวทางหลอดเลือดสมอง โดยทีมแพทย์พยายามทำทุกอย่างเต็มที่” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

อ้างอิง – สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

บุรีรัมย์ – ตร.ค้านประกันสาวใหญ่เผาบ้านแม่และน้องไร้ญาติเยี่ยม ชาวบ้านวอนช่วยเหลือ 6 ชีวิตไร้ที่อาศัย

ตำรวจ สภ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ค้านประกันตัวและเตรียมส่งฝากขังหญิงวัย 50 เมาคลั่งจุดไฟเผาบ้านแม่บังเกิดเกล้าและน้องสาววอดทั้ง 2 หลัง ปมห้ามไม่ให้เอาศพหลานผ่านข้างบ้าน ไร้ญาติเยี่ยม ขณะชาวบ้านให้กำลังใจ นำข้าวสารเสื้อผ้ามอบช่วยเบื้องต้น วอนผู้ใจบุญหน่วยงานรัฐช่วยเหลือเพราะหลังเกิดเหตุทั้งยาย ลูกสาว และหลานๆ 6 ชีวิตต้องไร้ที่อาศัย

ความคืบหน้ากรณีที่นางอัวะ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ชาวบ้านบ้านลำนางรอง ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาการมึนเมาแล้วก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านของนางดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี แม่บังเกล้าของตัวเอง และน้องสาวคนเล็ก จนวอดเสียหายทั้ง 2 หลัง เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ (16 ม.ค.64) ที่ผ่านมา โดยชนวนเหตุเกิดจากที่นางอัวะ ผู้ก่อเหตุไม่ยอมให้น้องชายนำศพหลานที่เสียชีวิตผ่านข้างบ้านเข้าไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านแม่ ซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านของนางอัวะ จนเกิดการโต้เถียงกันแล้วก็เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นที่บ้านแม่และน้องสาว

ซึ่งล่าสุดวันนี้ (18 ม.ค.64) ร.ต.อ.ชลิต สุดาจันทร์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.โนนดินแดง ได้ทำการสอบปากคำนางอัวะ เพิ่มเติมเพื่อประกอบสำนวนคดี โดยตั้งแต่ที่ถูกควบคุมตัวมาโรงพักก็ไม่มีญาติหรือเพื่อนบ้านเดินทางมาเยี่ยม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน และเตรียมนำตัวส่งฝากขังศาลจังหวัดนางรองวันนี้ เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา “วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นที่เป็นโรงเรือนที่คนอยู่อาศัย”

ขณะชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างก็เดินทางมาให้กำลัง พร้อมทั้งนำข้าวสาร อาหารแห้ง เสื้อผ้า ไปมอบให้กับนางดี ลูกสาว และหลาน ซึ่งหลังเกิดเหตุต้องอาศัยอยู่ที่ศาลากลางหมู่บ้าน และบ้านญาติ เนื่องจากบ้านถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมดไม่เหลือแม้กระทั่งเสื้อผ้า รวมถึงโกศใส่กระดูกผู้เป็นพ่อก็ถูกไฟเผาวอด

ขณะที่นางละมุน การเพียร อายุ 54 ปี อสม. บ้านลำนางรอง บอกว่า สงสารคุณยาย มากที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้เพราะคนที่ก่อเหตุเป็นลูกสาวแท้ๆ ทำให้ทั้งตัวยาย ลูกสาว และหลานๆ 6 ชีวิตต้องไร้ที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าก็ไม่สามารถเอาออกมาได้ ก็อยากจะวิงวอนให้ผู้ใจบุญ หรือหน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงิน วัสดุอุปกรณ์สำหรับสร้างบ้าน และข้าวปลาอาหารด้วย

Source :

siamrath.co.th /n/212828

บุรีรัมย์ – รวบ 3 เยาวชน​ ริเป็นโจร​ ย่องงัดขโมยเงินออมนร.​ สารภาพนำไปเติมเกมออนไลน์

ตำรวจ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ รวบ 3 เยาวชนชาย 13 – 15 ปี ริเป็นโจรย่องงัดขโมยเงินเหรียญเด็กนักเรียนฝากออมไว้ที่ ร.ร. เกือบ 4,000 บาท สารภาพนำไปเติมเกมออนไลน์เล่น อ้างเพิ่งทำเป็นครั้งแรกเพราะอยากได้เงินเล่นเกม ตร.ประสานผู้ปกครองก่อนทำบันทึกส่งศาลเด็กเยาวชนและครอบครัว

(18 ม.ค.64) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้จับกุมเยาวชนชายอายุ 13 – 15 ปี ขณะนั่งจับกุมเล่นเกมอยู่ที่บ้าน หลังได้ก่อเหตุใช้อุปกรณ์บุกเข้าไปงัดขโมยเงินออมของเด็กนักเรียน ในโรงเรียนบ้านสองพี่น้อง ต.สะเดา อ.นางรอง หลังได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนว่ามีคนร้ายเข้าไปขโมยเงินในโรงเรียน ซึ่งเงินที่ถูกขโมยไปเป็นเงินเหรียญ ทั้งเหรียญ 1 บาท 5 บาท 10 และเหรียญ 50 สตางค์ ที่เด็กนักเรียนได้ฝากเก็บออมไว้กับทางโรงเรียน รวมจำนวนเกือบ 4,000 บาท

ซึ่งจากการสอบปากคำเยาวชนทั้ง 3 คน ให้การว่าได้ร่วมกันก่อเหตุงัดขโมยเงินในโรงเรียนดังกล่าวจริง ส่วนเงินที่ขโมยไปได้ก็นำไปเติมเกมออนไลน์ในโทรศัพท์มือถือ เพราะติดเกมมากแต่ไม่มีเงินเติม จึงชวนกันไปขโมยเงินในโรงเรียนสองพี่น้องดังกล่าว ส่วนเงินที่เหลือก็เอาไปซื้อขนมกิน และยังเหลือเงินบางส่วนที่ยังไม่ได้ใช้อยู่ในกระเป๋าสะพาย ซึ่งทั้ง 3 คนก็เคยเป็นศิษย์เก่าที่โรงเรียนแห่งนี้ด้วย โดยอ้างว่าเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อหากดูจากพฤติการณ์การก่อเหตุ

จากการสอบนางสาวศศิธร ม่านทอง ผอ.โรงเรียนบ้านสองพี่น้อง กล่าวว่า ช่วงที่โรงเรียนปิด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ครูก็มาทำงานปกติ แต่พอวันนี้เปิดเรียนวันแรก พอครูชั้น ป.6 เปิดห้องเข้าไปเพื่อทำการเรียนการสอน ก็พบว่าตู้ลิ้นชักถูกงัดเปิดอ้าไว้ เมื่อตรวจสอบดูก็พบว่าเงินประมาณ 4,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเหรียญที่เด็กนักเรียนฝากออมไว้หายไป จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะแอบเข้ามางัดขโมยตอนกลางคืนวันเสาร์ หรืออาทิตย์ที่ผ่านมา

เบื้องต้นทาง พ.ต.ท.จักรภัทร ชมพูกุล สารวัตร (สอบสวน) สภ.นางรอง ก็ได้ประสานผู้ปกครองเยาวชนทั้ง 3 คนมาเซ็นรับทราบเนื่องจากยังเป็นเยาวชน ก่อนจะนำตัวส่งศาลเด็กและเยาวชนตามขั้นตอนต่อไป

Source :

siamrath.co.th /n/212846

บุรีรัมย์ – แก๊งอันธพาล อาละวาด! ควงไม้-มีดพังข้าวของตามบ้าน ขู่ยิงคนทั่วหมู่บ้าน

ชาวบ้านในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ผวา แก๊งอันธพาล ใช้มีด-ท่อนไม้ตระเวนทุบข้าวของตามบ้าน ขู่ยิงคนไปทั่ว หวั่นไม่ปลอดภัย วอนตำรวจเร่งจับดำเนินคดี

วันที่ 19 ม.ค.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน บ้านสระคู ต.หนองตะครอง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ว่า มีแก๊งวัยรุ่นประมาณ 10 คน ตระเวนทุบทำลายไฟฟ้าส่องสว่างของหมู่บ้าน และหากไม่พอใจใครก็จะยกพวกควงมีดดาบ ท่อนไม้ ไปทุบข้าวของตามบ้านเรือน รวมถึงขู่ยิงคนไปทั่ว จนชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว ล่าสุดเกิดเหตุเมื่อเวลา 23.00 น.ของวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา

ชาวบ้านในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ผวา แก๊งอันธพาล ใช้มีด-ท่อนไม้ตระเวนทุบข้าวของตามบ้าน

ชาวบ้านในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ผวา แก๊งอันธพาล ใช้มีด-ท่อนไม้ตระเวนทุบข้าวของตามบ้าน

หลังรับแจ้งจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบริเวณหน้าบ้านของ นางเสนอ กล้าสงคราม อายุ 52 ปี ซึ่งเพิ่งถูกกลุ่มวัยรุ่นบุกไปทุบทำลายข้าวของและขู่ยิงคนในบ้านเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พบสภาพข้าวของหน้าบ้านที่ถูกแก๊งวัยรุ่นทุบพังเสียหายกระจัดกระจายทั่วบริเวณหน้าบ้าน

นางเสนอ กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น.ที่ผ่านมา มีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านรวมประมาณ 10 คน ยกพวกมาที่บริเวณหน้าบ้านก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า “มึงออกมา ๆ” ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวตะโกนเรียกใคร เพราะมีคนอยู่ในบ้าน 5 คน แต่กลัวว่าจะไม่ปลอดภัยเพราะไม่รู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นมีอาวุธอะไรบ้าง จึงห้ามไม่ให้ออกไป

“สักพักวัยรุ่น 3-4 คนจากที่มาด้วยกันทั้งหมด 10 คน ก็ใช้มีด และท่อนไม้ที่เตรียมมา ทุบทำลายข้าวของ เช่น โต๊ะหินอ่อน เก้าอี้ ถังน้ำ สังกะสีเพิงหน้าบ้าน กะละมัง รถจักรยาน และรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้หน้าบ้าน ก็ถูกแก๊งวัยรุ่นทุบทำลายเสียหายต่อหน้าต่อหน้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะหากออกไปห้ามก็คงจะถูกทำร้าย โดยกลุ่มวัยรุ่นยังตะโกนท้าทาย และทุบทำลายข้าวของที่หน้าบ้านอยู่เกือบ 30 นาที ก่อนพากันขับรถออกไป จากนั้นจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ และติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพราะหากปล่อยไว้ก็จะไปสร้างความเดือดร้อนแก่ชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่น” นางเสนอ กล่าว

ด้าน นายนุกูลกิจ คงสืบ อายุ 24 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า เมื่อคืนตนกำลังจะเข้านอน ได้ยินเสียงดังหน้าบ้าน จึงเดินออกมาดูก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นกำลังทุบทำลายข้าวของที่บ้านของเพื่อนบ้านแตกเสียหายกระจัดกระจาย ที่ผ่านมาตนก็เคยถูกกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวท้าตีต่อยและขู่ทำร้ายมาแล้ว แต่ตนเลี่ยงที่จะไม่มีเรื่องด้วย

นายนุกูลกิจ กล่าวต่อว่า ซึ่งแก๊งวัยรุ่นดังกล่าว ทำนิสัยเหมือนอันธพาลไม่พอใจใครก็จะทุบทำลายข้าวของ และขู่ทำร้าย แม้กระทั่งไฟฟ้าส่องสว่างประจำหมู่บ้านก็ยังทุบจนแตกเสียหาย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัววัยรุ่นกลุ่มนี้มาดำเนินคดี

Source :

www.khaosod.co.th /around-thailand/news_5767830

บุรีรัมย์ – เปิดรายชื่อ 6 ว่าที่นายก อบจ.สาย“ภูมิใจไทย”ถูกกกต.“แขวน”

0

เปิด “6 ว่าที่นายก อบจ.” สายพรรคภูมิใจไทย ถูก กกต.“แขวน”สอบเรื่องร้องเรียน “นครพนม-บึงกาฬ-บุรีรัมย์-เลย-อำนาจเจริญ-มหาสารคาม”  


จากการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้พิจารณารับรอง-ไม่รับรองไปครบทั้ง 76 จังหวัดแล้ว 


โดย กกต.ได้ประกาศรับรองนายก อบจ.ไป 32 จังหวัด และ ส.อบจ. รวม 1,946 ราย จากจำนวนสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งทั้งหมด 2,316 ราย 


สำหรับ นายก อบจ. ที่กกต.ยังไม่ประกาศรับรอง เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนกรทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มี 44 จังหวัด และ สมาชิก อบจ. 370 ราย


ในจำนวน 44 จังหวัดนั้น หากเจาะไปในพื้นที่ของ “พรรคภูมิใจไทย”  ที่แม้ ไม่ได้ประกาศส่งผู้สมัครนายก อบจ.อย่างเป็นทางการ แต่ก็รับทราบกันดีว่า ผู้สมัครนายก อบจ. คนใดบ้าง ที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับค่ายภูมิใจไทย ที่เจอ กกต.สั่ง “แขวน” ไว้ 6 รายขณะนี้ ประกอบด้วย


 1.นครพนม  ศุภพานี โพธิ์สุ บุตรสาว ศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม รองประธานสภาผู้แทนราษฎร


2.บึงกาฬ  แว่นฟ้า ทองศรี ภริยา ทรงศรี ทองศรี รมช.มหาดไทย กลุ่มนครนาคา ได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย


3.บุรีรัมย์  ภูษิต เล็กอุดากร อดีตสมาชิกสภา อบจ.บุรีรัมย์ เขต อ.พลับพลาชัย หลายชาย เนวิน ชิดชอบ ลงสนามแทน กรุณา ชิดชอบ อดีตนายก อบจ.บุรรัมย์


 4.เลย ธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ อดีตนายก อบจ.เลย 4 สมัย บิดา “ธนยศ ทิมสุวรรณ” ส.ส.เลย พรรคภูมิใจไทย ในนามกลุ่มพัฒนา ได้แรงหนุนจากตระกูล “ทิมสุวรรณ” 


5.อำนาจเจริญ วันเพ็ญ ตั้งสกุล ทีมภูมิใจไทอำนาจ ลูกสาว สวัสดิ์ ตั้งสกุล นักธุรกิจร้อยล้าน ว่ากันว่าได้รับการสนับสนุนจาก ศักดิ์สยาม ชิดชอบ แม่บ้านพรรคภูมิใจไทย 


 และ 6.มหาสารคาม  คมคาย อุดรพิมพ์ อดีตนายก อบจ. ที่รับช่วงต่อจาก ยิ่งยศ อุดรพิมพ์ อดีตนายก อบจ.ที่เสียชีวิตไปแล้ว  

สำหรับ “ว่าที่นายก อบจ.” ที่ถูก กกต. “แขวน” ไว้ เพื่อตรวจสอบเรื่องร้องเรียนนี้ กกต.ยังมีเวลาพิจารณาถึงวันที่ 19 ก.พ.2564 ว่าจะให้ใบเหลือง  ใบส้ม ใบแดง หรือ รับรองผลการเลือกตั้ง ถ้าครบกำหนด 60 วันแล้ว กกต.ยังไม่รับรองผล ก็ต้องส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา แต่ระหว่างนั้น ให้ กกต.รับรองผลไปก่อน


ระหว่างนี้ “ว่าที่นายก อบจ.” ทั้ง 44 คน ต้องรอลุ้นด้วยใจระทึกว่า ตนเองจะได้รับการรับรองหรือไม่จาก กกต.

Source :

www.thansettakij.com /content/politics/465005

บุรีรัมย์ – แชร์ว่อน! คลิป“ผญบ.บุรีรัมย์”เมากร่างสั่งหยุดแข่งกีฬา เจ้าตัวปัดไม่ได้เมาบอกหยุดจริงอ้างป้องกันโควิด

บุรีรัมย์- โซเชียลแชร์ว่อนคลิป ผญบ. จ.บุรีรัมย์ เมาอาละวาดสั่งให้หยุดแข่งกีฬาหมู่บ้าน ชาวบ้าน ส.อบต.แฉซ้ำ มีพฤติกรรมแบบนี้มานานจนเอือมระอา วอนอำเภอจังหวัดตรวจสอบ ด้าน ผญบ.ปัดไม่ได้เมาแค่เป็นคนพูดเสียงดัง ยอมรับสั่งหยุดเล่นกีฬาจริง อ้างทำตามนโยบายอำเภอเพื่อป้องกันโควิด-19ระบาด

วันนี้ (17 ม.ค.) โลกโซเชียลมีเดียได้มีการแชร์คลิปวิดีโอ พฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า “เป็นผู้ใหญ่บ้านแต่ทำนิสัยแบบนี้ได้หรา เท็จจริงอย่างไรมาชี้แจงได้นะ ฝากสื่อตรวจสอบด้วย ชาวบ้านบางคนไม่กล้าร้องเรียน เหตุเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียน หาที่พึ่งครับ ชาวบ้านเดือดร้อนครับ ผู้ใหญ่บ้านอาละวาดปิดงานกีฬาหมู่บ้านครับ ชาวบ้านต้องการผู้ใหญ่ใหม่ครับ เกือบมีการชกต่อยกับผู้ใหญ่บ้าน ในคลิป 8 นาทีเป็นผู้ใหญ่บ้านหนองตะครอง ม.8 ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ครับ ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนค่อนข้างอันธพาลครับ ปีใหม่ชาวบ้านจัดงานกีฬากันเอง มีหลายเรื่องครับแต่บางเรื่องไม่มีหลักฐานก็เลยไม่พูดครับ …. ปล.น้องโดนข่มขู่ให้ลบคลิป

โดยในคลิปดังกล่าวจะเห็นว่าชายเสื้อดำซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน มีท่าทางคล้ายคนเมาเพราะเดินเซไปเซมา โดยผู้ใหญ่บ้านได้เดินไปบริเวณเต็นท์ที่ประธาน และกรรมการจัดงานนั่งอยู่ แล้วแสดงอาการโวยวายเสียงดังลั่น พร้อมตะโกนบอกให้หยุดแข่งกีฬา สร้างความงุนงงและตกใจให้กับกรรมการ และชาวบ้านที่กำลังร่วมงานกีฬาอยู่ บางช่วงก็ตะโกนว่า “กูจะลาออก กูไม่เป็นผู้ใหญ่บ้านกูก็มีกิน” ซึ่งขณะที่ตะโกนโวยวายก็มีชาวบ้านเข้าไปห้ามปรามและพยายามจะกันผู้ใหญ่บ้านออกไปข้างนอก แต่ผู้ใหญ่ก็ยังตะโกนโวยวายไม่หยุดเป็นเวลาเกือบ 10 นาที กระทั่งภรรยามาพาผู้ใหญ่บ้านออกไป

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านหนองตะครอง ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย ตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งเป็นลานใกล้กับวัด โดย นายไพรัตน์ วิชัยกุล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ม.8 บ้านหนองตะครอง เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงบ่ายของวันที่ 31 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา ซึ่งทางหมู่บ้านได้มีการจัดแข่งขันกีฬาผ้าป่าการกุศล เพื่อนำเงินรายได้เป็นค่าน้ำค่าไฟให้กับทางวัด ซึ่งก่อนจะจัดได้มีการพูดคุยขอมติจากผู้นำชุมชนและชาวบ้านในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว

แต่ช่วงระหว่างที่ชาวบ้านกำลังแข่งขันเตะฟุตบอลกันอยู่ จู่ๆ ผู้ใหญ่บ้านก็เดินเข้ามาบริเวณเต็นท์ที่ประธาน และกรรมการฯ นั่งอยู่ แล้วตะโกนโวยวายบอกให้หยุดการแข่งกีฬา จนกรรมการ และชาวบ้านตกใจ เพราะไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ไม่พอใจเรื่องอะไร แต่ลักษณะท่าทางผู้ใหญ่บ้านก็เหมือนกับคนเมาจึงไม่มีใครตอบโต้อะไร มีเพียงชาวบ้านที่พยายามห้ามปรามและดึงตัวผู้ใหญ่บ้านออก

ส่วนตัวคิดว่าผู้ใหญ่บ้านอาจจะเข้าใจผิด เพราะก่อนจะแข่งกีฬาได้มีการตรวจคัดกรอง และให้ผู้มาร่วมงานลงชื่อตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ผู้ใหญ่อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าชาวบ้านล่ารายชื่อให้ปลดผู้ใหญ่บ้านหรือไม่ เพราะผู้ใหญ่บ้านเคยมีพฤติกรรมลักษณะนี้หลายครั้งทำให้ชาวบ้านเอือมระอา แต่ไม่มีใครกล้าร้องเรียนแต่ส่วนใหญ่อยากให้ผู้ใหญ่ลาออก จากพฤติกรรมดังกล่าวจึงอยากให้ทางจังหวัด และ อำเภอเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็ควรจะให้ลาออก

ขณะที่ นายประนอม วัชระ ผู้ใหญ่บ้านที่ปรากฏในคลิป ชี้แจงว่า วันที่ 31 ธ.ค.2563 ได้มีการจัดแข่งกีฬาหมู่บ้านจริง โดยมีกำหนดจะเริ่มแข่งขันบ่ายโมง แต่ขณะที่ตนเองกำลังจัดสถานที่บริเวณศาลากลางหมู่บ้านเพื่อให้คนในหมู่บ้านและลูกหลานจับสลากของขวัญปีใหม่ แต่ทางอำเภอมีนโยบายห้ามจัดเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะมีคนมารวมตัวกันจำนวนมากจึงได้งดการจับสลาก และเมื่อตนเองทราบว่างานกีฬาซึ่งมีกำหนดจัดช่วงบ่ายโมง เพราะจะได้เตรียม อสม.ไปทำการตรวจคัดกรองก่อน แต่เวลาประมาณ 11.00 น. ซึ่งยังไม่ทันถึงเวลาที่พูดคุยกันก็ทำการแข่งขันกีฬากันแล้ว

พอตนเองทราบเรื่องจึงได้ไปที่บริเวณจัดงานเพื่อบอกให้หยุดแข่งกีฬาก่อน เพราะไม่มีรู้ว่าได้มีการตรวจคัดกรองโควิด-19 แล้วหรือยัง เพราะตามเวลาที่คุยกันไว้คือบ่ายโมง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เมาแค่เป็นคนพูดจาเสียงดัง และที่บอกให้หยุดแข่งกีฬา แค่ทำตามนโยบายอำเภอในการป้องกันโควิด-19 เท่านั้น แต่กลับมีคนถ่ายคลิปตัวเองไปเผยแพร่ทำให้เสียหาย

mgronline.com /local/detail/9640000004791

บุรีรัมย์ – หาชมยากภาพเก่าปราสาทหินพนมรุ้งเมื่อ 85 ปีก่อน

0

หลายคนคงจะเคยได้ไปเยี่ยมชม พนมรุ้ง มหาเทวาลัยของจังหวัดบุรีรัมย์กันมาบ้างแล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่า ต้องมีหลายคนที่ยังไม่เคยได้เห็นภาพต่อไปนี้

ภาพเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนที่จะทำการ บูรณะครับทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในปี พ.ศ.2478 หรือ 85 ปีที่ผ่านมา ได้มีการสำรวจ ศึกษาและทำการบูรณะ

ภาพเซ็ทเหล่านี้ถูกโพสต์ขึ้นบน Facebook โดยผู้ใช้ Pai Aphiwat Rattanprapha เมื่อวันที่. 28 กรกฎาคม 2020

ปี 2525 

บุรีรัมย์ – สาวเมาคลั่ง เผาบ้านแม่บังเกิดเกล้า-น้องสาววอด

ลูกสาวเมาคลั่ง จุดไฟเผาบ้านแม่บังเกิดเกล้า-น้องสาววอด แค่ไม่พอใจจะเอาศพหลานผ่านบ้าน

สุดสะเทือนใจ ลูกสาววัย 50 อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ เมาคลั่งจุดไฟเผาบ้านแม่บังเกิดเกล้าและน้องสาววอดเสียหายทั้ง 2 หลัง เหตุไม่ให้เอาศพหลานซึ่งเป็นลูกน้องชายแท้ๆ ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตผ่านทางเข้า-ออกข้างบ้านไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านแม่ซึ่งอยู่ด้านหลัง แม่สุดทนแจ้ง ตร.จับให้ดำเนินคดีถึงที่สุด น้องชายลั่นอยากให้ขังลืมไม่ต้องออกมาอีกเพราะยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานทำได้กระทั่งแม่บังเกิดเกล้า

เมื่อวันที่17 ม.ค.64 ได้เกิดเหตุสุดสะเทือนใจ กรณีที่นางอัวะ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ชาวบ้านบ้านลำนางรอง ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งดื่มสุรามึนเมาแล้วก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านของนางดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี แม่บังเกล้าของตัวเอง และน้องสาวคนเล็ก จนวอดเสียหายทั้ง 2 หลัง รวมถึงทรัพย์สินมีค่า เครื่องใช้ไฟฟ้า และเงินสดที่เก็บไว้จัดงานศพหลานก็ถูกไฟเผาวอดจนกลายเป็นเถ้าถ่าน เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยชนวนเหตุเกิดจากที่นางอัวะ ไม่ยอมให้น้องชายนำศพหลานที่เสียชีวิตผ่านข้างบ้านเข้าไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านแม่ ซึ่งอยู่หลังบ้านของนางอัวะ จนเกิดการโต้เถียงกันแล้วก็เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นที่บ้านแม่และน้องสาว

จากการสอบถามนายสุธีร์ ลูกชายคนที่ 5 ซึ่งเป็นน้องชายของนางอัวะ ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ชนวนเหตุเกิดจากกรณีที่นายปริญญา อายุ 25 ปี ลูกชายของตัวเอง ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทางแม่และคนในครอบครัวก็ตั้งใจว่าจะนำศพออกจากโรงพยาบาล มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านของนางดี ผู้เป็นแม่และเป็นยายของคนตาย แต่พอนางอัวะ พี่สาวคนที่ 2 ได้ยินก็เกิดความไม่พอใจประกอบกับมีอาการมึนเมา ก็เดินเข้ามาต่อว่าตนเอง และยืนกรานว่าไม่ให้เอาศพลูกชาย ผ่านข้างบ้านของพี่สาว ซึ่งเป็นทางเดินเข้า-ออกความกว้างประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งปกติทั้งแม่ น้องสาว และหลานๆ ก็ใช้เดินเข้า-ออกเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งตนและพี่สาวก็มีปากเสียงกันอยู่สักพัก จากนั้นได้มีคนมาเรียกให้ตนเอง และแม่ไปพูดคุยกับที่บ้านของ อสม. เรื่องการนำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศล ซึ่งทาง อสม.ก็แนะนำว่าให้เอาศพมาตั้งที่ศาลากลางหมู่บ้านก็ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันในครอบครัว

ซึ่งยังไม่ทันได้ข้อสรุปจู่ๆ ก็ได้กลิ่นไฟไหม้และมีควันไฟมาจากทางบ้านแม่ ตนจึงรีบเดินมาดูก็พบว่าไฟกำลังลุกไหม้บ้านแม่อย่างรุนแรง ตนพยายามจะเข้าไปเอาเอกสารสำคัญ และเงิน 2 หมื่นบาท ที่เก็บไว้จัดงานศพให้ลูกชาย แต่ก็เอาไม่ได้เพราะไฟลุกแรงมาก จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยดับ ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่จะเข้าไปดับไฟนางอัวะ พี่สาวก็ยังปิดประตูขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟอีก จนสุดท้ายทั้งบ้านแม่ และน้องสาวซึ่งอยู่ติดกันก็ถูกไฟเผาวอดทั้ง 2 หลัง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับพี่สาวให้ถึงที่สุด อยากให้ขังลืมไม่ต้องออกมาเลย เพราะสิ่งที่พี่สาวกระทำยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ทำได้กระทั่งแม่บังเกิดกล้า และน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ส่วนตัวไม่ให้อภัยพี่สาวคนนี้เลยเพราะตนสูญเสียลูกชาย ก็เสียใจมากอยู่แล้ว ยังห้ามไม่ให้เอาศพผ่านข้างบ้านจิตใจทำด้วยอะไร ทำให้แม่ต้องไร้ที่อยู่อาศัยและยังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาสร้างบ้าน

ด้านนางดี ผู้เป็นแม่ เล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองและลูกๆ ก็กำลังพูดคุยหารือกันว่าจะเอาศพของหลานชายที่เสียชีวิตไปตั้งประกอบพิธีที่ไหน ซึ่งตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะเอาไปตั้งทำพิธีที่บ้านของตนเอง แต่นางอัวะ ลูกสาวคนที่สองกลับไม่ยอมให้เอาศพหลานผ่านข้างบ้าน ยังพูดคุยกันไม่ทันเสร็จด้วยซ้ำเห็นควันไฟ จึงรีบวิ่งไปดูพอเห็นไฟไหม้บ้านตัวเองก็ถึงกับช็อกเป็นลมหมดสติ เสียใจมากไม่คิดว่าลูกสาวแท้ๆ จะทำแบบนี้ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกสาวคนดังกล่าวเคยด่าตนเองแบบหยาบคาย ทั้งขู่จะฆ่าจะทำร้าย แต่ตนเองก็ไม่เคยถือสา เพราะเห็นว่าเป็นลูก แต่ครั้งนี้มันสุดทนก็ยืนยันว่าไม่ให้อภัยให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด

ซึ่งขณะนี้นางอัวะ ถูกควบคุมตัวที่ สภ.โนนดินแดง โดยจากการสอบสวนเบื้องต้น นางอัวะ ยังให้การภาคเสธ แต่จากพยานหลักฐานก็ยืนยันตรงกันว่านายอัวะเป็นคนก่อเหตุ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหา “วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นที่เป็นโรงเรือนที่คนอยู่อาศัย”

Source :

siamrath.co.th /n/212601

บุรีรัมย์ – ทำบุญ 5 ปี ‘ปอ ทฤษฎี’ จัดเรียบง่าย ป้องกันโควิด-19

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.64 เวลา 10.00 น. ครอบครัว “สหวงษ์” ได้ทำบุญครบรอบ 5 ปี การจากไปของ “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” พระเอกหนุ่มขวัญใจมหาชน ที่บริเวณลานด้านหน้าเจดีย์บรรจุอัฐิปอ ทฤษฎี ภายในวัดธรรมธีราราม หรือวัดป่าหลังโรงเลื่อย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยปีนี้ทางครอบครัวได้ทำบุญแบบเรียบเฉพาะคนในครอบครัวและญาติสนิทที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จ.บุรีรัมย์เท่านั้น ส่วนโบว์แวนด้า รวมถึงน้องมะลิ พาขวัญ และบรรดาแฟนคลับ ก็ทำบุญที่บ้านของตัวเอง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงไม่อยากให้มีการรวมตัวผู้คนจำนวนมากเป็นการลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อ

ส่วนแฟนคลับและคนรักปอ ทั้งที่อยู่ต่างประเทศ และต่างจังหวัด ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานที่จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากสถานการณ์โควิด ก็ได้ส่งปัจจัย และสิ่งของมาร่วมทำบุญกับทางครอบครัวด้วย ซึ่งทางครอบครัวก็ได้นิมนต์พระสงฆ์ 10 รูป สวดมาติกาบังสุกุล ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม สังฆทาน กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ “ปอ ทฤษฎี” และเลี้ยงเพลพระเท่านั้น ไม่มีการจัดโรงทานเหมือนทุกปีที่ผ่านมา เพราะไม่อยากให้มีการรวมตัวคนจำนวนมาก เป็นการให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐในการป้องกันโควิด-19 ด้วย

นายสงวน สหวงษ์ พ่อปอ ทฤษฎี บอกว่า ปีนี้ได้ทำบุญให้ปอแบบเรียบง่าย ก็จะมีเฉพาะคนในครอบครัวและญาติสนิทเท่านั้น เพราะไม่อยากให้มีความรวมตัวคนจำนวนมาก ส่วนโบว์แวนด้า และน้องมะลิ ก็ทำบุญอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ สำหรับบรรดาแฟนคลับทั้งต่างประเทศ และต่างจังหวัด ที่วางแผนจะเดินทางมาร่วมทำบุญที่บุรีรัมย์ซึ่งได้จองที่พักโรงแรมไว้ ก็ต้องยกเลิกเพราะไม่สามารถเดินทางมาได้ แต่ถึงแม้ตัวจะมาไม่ได้ก็ยังฝากปัจจัย และสิ่งของมาช่วยทำบุญด้วย ซึ่งในนามครอบครัวก็ขอบคุณแฟนคลับที่ยังรักและระลึกถึงปอ เหนียวแน่นเหมือนเดิม ส่วนความรู้สึกของครอบครัวแม้จะผ่านไป 5 ปีแล้วก็ยังรักและคิดถึงปอ เสมอ และตั้งใจจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ปอทุกปี

สำหรับนายทฤษฎี สหวงษ์ หรือ “ปอ” ถือเป็นพระเอกชื่อดังขวัญใจมหาชน เพราะด้วยบุคลิกที่เป็นคนติดดินเป็นกันเอง ทำให้มีคนรักจำนวนมาก ได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 18 ม.ค. 2559 ด้วยอาการปอดติดเชื้อ หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากไข้เลือดออกชนิดรุนแรง ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2558 ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพฯ เป็นเวลากว่า 2 เดือน มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” เป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2559 ที่วัดกลางพระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ผ่านมาทางครอบครัวก็ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของปอ อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 แล้ว.

Source :

www.one31.net /news/detail/27530