วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2024

บุรีรัมย์ – แจ้งข้อหาสมาชิก อบต.บุรีรัมย์ “อนาจาร – พรากผู้เยาว์” ด.ญ. 12 ปี

สมาชิกสภา อบต.แห่งหนึ่ง จ.บุรีรัมย์ รับสารภาพก่อเหตุอนาจารเด็กหญิงวัย 12 ปี เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และกระทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี พร้อมคัดค้านการประกันตัว

วันนี้ (13 ม.ค.2563) เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ เยี่ยมครอบครัวเด็กหญิงวัย 12 ปี ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.หนองหงส์ เพื่อประเมินสภาพจิตใจ และวางแนวทางดูแลผู้เสียหาย หลังถูกสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง ล่อลวงไปกระทำอนาจารภายในป่าละเมาะข้างบ้าน เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ผู้ก่อเหตุรับสารภาพได้กระทำจริง จึงถูกแจ้งข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลไปเพื่อการอนาจาร และกระทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และหากผลตรวจแพทย์ ยืนยันว่า มีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กก็จะแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพิ่มอีก 1 ข้อหา โดยในชั้นสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน


จากการสอบถามชาวบ้านต่างบอกว่า ไม่คิดว่าสมาชิกสภา อบต.จะเป็นผู้ก่อเหตุเพราะเป็นคนนิสัยดี และทำงานดี แต่กลับมาก่อเหตุอนาจารเด็กในหมู่บ้านของตัวเองที่เป็นเหมือนลูกเหมือนหลาน จึงต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง

ย้อนคดี4โจ๋บุรีรัมย์ดุ ตื้บหนุ่มนักเต้นสาหัส อ้างคนเจ็บทำท่าดูถูก

ย้อนคดี4โจ๋บุรีรัมย์ดุ – หัวใจของ น.ส.กาญจนา ภูวนผา อายุ 40 ปี แทบสลายเมื่อรู้ข่าวของ นายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือ แบงค์ อายุ 23 ปี ลูกชายที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ทำร้ายจนกะโหลกศีรษะร้าว และอาจต้องหมดอนาคตกับอาชีพที่ตัวเองรัก

ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2563 มีผู้ใช้ เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า “รบกวน ทุกคนช่วยแชร์ด้วยค่ะ ช่วยกันตามหาคนร้ายมารับโทษให้ได้ ..ลูกแม่กลับมาจาก กทม. เพื่อมาเยี่ยมญาติ และได้มาทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย กลับโดนกลุ่มวัยรุ่นทำร้าย ตอนนี้รักษาตัวอยู่ ร.พ.บุรีรัมย์ อาการกะโหลกศีรษะร้าวเพราะโดนรุมตีแต่ที่หัว …น้องแบงค์เป็นเด็กกิจกรรมที่ไม่เคยเกเรมาก่อน…กรุณาช่วยตามหาตัวด้วยค่ะ อย่าปล่อยให้เด็กเลวพวกนี้ไปทำกับลูกหลานใครแบบนี้อีก ขอให้น้องแบงค์เป็นคนสุดท้ายที่ต้องมาเจอรุมตีโดยไม่รู้จักกัน มาก่อน ขอบคุณนะคะ” พร้อมโพสต์ภาพ ขณะน้องแบงค์นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในสภาพเบ้าตาบวมเป่ง เขียวช้ำ มีร่องรอยแผล ตามใบหน้า

จากการสอบถามไปยังเจ้าของโพสต์ ได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายชื่อนายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือแบงค์ อายุ 23 ปี ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยหอการค้า และรับงานอีเวนต์เป็นนักเต้นของศิลปินชื่อดังหลายคน ทั้งยังเคยเป็นตัวแทนนักกีฬาของประเทศไทย ไปแข่งเต้นในหลายประเทศ ล่าสุดเมื่อปี 2561 ได้คว้ารางวัลเหรียญเงินรองแชมป์โลกประเภทนักเต้น Hip Hop Doubles ที่ประเทศโปแลนด์

ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางกลับมาเยี่ยมญาติที่อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ โดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ได้ไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอ.ละหานทราย กับญาติซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่กลับถูกกลุ่มวัยรุ่นหลายคนที่ไปนั่งดื่มกินในร้านดังกล่าว รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกะโหลกศีรษะร้าว ซึ่งขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.บุรีรัมย์

ส่วนนายนัฐวุฒิ ฉลองกลาง อายุ 34 ปี ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ระหว่างดื่มกินในร้านนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร แต่มีวัยรุ่นกลุ่มใหญ่นั่งดื่มกินอยู่ อีกโต๊ะ ซึ่งตนและนายนพรัตน์ก็ไม่ได้รู้จัก โดยก่อนเกิดเหตุช่วงที่ตนลุกจากโต๊ะเดินไปเข้าห้องน้ำ วัยรุ่นในกลุ่มดังกล่าวถามตนว่า “ไปไหนครับ” ก็คิดว่าเป็นคนมาเที่ยวทักทายกันตามปกติ

ตนจึงตอบกลับว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อตนเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นชาย 4 คน กำลังรุมทำร้ายร่างกายนายนพรัตน์อยู่ ทั้งเตะต่อย กระทืบ ขวดตี และใช้เก้าอี้ฟาดซ้ำ ทั้งตนและพนักงานในร้านพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มาด้วยกันขวางเอาไว้และขู่ห้ามช่วย เมื่อนายนพรัตน์สลบ กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุก็พากันหลบหนีไป



ขณะที่ในส่วนของคดีหลังรับแจ้งความ ร.ต.อ.อนุสรณ์ ศรีพรหม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ละหานทราย ก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบพร้อมประสานชุดสืบสวนออกติดตามหาตัวคนร้ายโดยอาศัยภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านเป็นหลักฐาน กระทั่งรู้ตัวคนร้ายทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายวรพล กงค์ประโคน หรือ มอส อายุ 23 ปี, นายวิกรม กงค์ประโคน หรือ กล้า อายุ 22 ปี ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน, นายอนุชา ทองโปรด หรือ ตาล อายุ 20 ปี และ นายสนธยา กงทอง หรือ โจ อายุ 22 ปี ก่อนรวบรวม หลักฐานขออนุมัติหมายจับ

พอถูกกดดันหนักเข้าทั้ง 4 คนก็ให้ญาติติดต่อขอเข้ามอบตัวในช่วงค่ำของวันที่ 29 ธ.ค. โดยหลังก่อเหตุ นายวรพล, นายวิกรม และนายสนธยา ได้หลบหนีไปที่ อ.บ่อวิน จ.ชลบุรี เนื่องจากมีพ่อและพี่ชายทำงานอยู่ที่ อ.บ่อวิน ส่วนนายอนุชาหลบหนีอยู่ในพื้นที่ แต่หลังจากถูกออกหมายจับและ เจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก ทางญาติของ ผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่เพื่อพาเข้ามอบตัว

จากการสอบสวนทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายนพรัตน์จริง โดยวันเกิดเหตุเป็นวันเกิดของนายวิกรม จึงชวนกันไปดื่มกินและเป่าเค้กวันเกิดที่ร้านอาหารดังกล่าว โดยนายวิกรม อ้างว่า ที่ก่อเหตุทำร้ายนายนพรัตน์ เพราะไม่พอใจที่เห็นนายนพรัตน์ทำสัญลักษณ์ยกแขนไขว้กันคล้ายกากบาทเหมือนเป็นการดูถูก ขณะที่ตนกำลังจะเป่าเค้กวันเกิด

จากนั้น นายวิกรมได้รอจังหวะช่วงที่พี่ชายนายนพรัตน์เข้าห้องน้ำ จึงเข้าไปรุมชกต่อยนายนพรัตน์ หลังจากนั้นนายวรพลก็ยกเก้าอี้ไปฟาดซ้ำ ก่อนที่นายสนธยาและนายอนุชาจะเข้าไปช่วยรุมตีตามที่ปรากฏในคลิปวงจรปิด จนนายนพรัตน์ฟุบกับพื้น จึงพากันเดินออกจากร้าน ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี กระทั่งทราบว่ามีหมายจับทางญาติจึงได้พาเข้ามอบตัว

นอกจากนี้ นายวิกรมซึ่งเป็นคนเริ่มต้นเข้าไปชกต่อย ก็ได้ขอโทษผู้บาดเจ็บผ่านสื่อด้วย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา ทั้ง 4 คน “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส” พร้อมประสานโรงพยาบาลมาตรวจหาเชื้อโควิด ผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากผู้ต้องหา 3 คน เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี ก่อนจะทำเรื่องส่งฝากขังศาลต่อไป

แค่ไม่พอใจนิดๆ หน่อยๆ ก็ใช้กำลัง สุดท้ายเลยต้องเข้าไปฉลองปีใหม่ต่อในคุก

สุรชัย พิรักษา

เรืองรุจ วังแจ่ม

เรื่อง/ภาพ

บุรีรัมย์ – รวบหนุ่มคลั่งยาไล่ฆ่าพ่อแม่ หนีตายทั้งบ้านต้องพาหลานอีก 2 คนนอนปั๊ม-ทุ่งนา

บุรีรัมย์ – ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ บุกรวบหนุ่มบุรีรัมย์ 34 ปี เมายาบ้าคลั่งทำลายข้าวของไล่ทำร้ายขู่ฆ่าพ่อแม่ต้องพาหลานตระเวนไปขอนอนตามปั๊ม และกระท่อมทุ่งนา ค้นบ้านเจอท่อนไม้ที่ใช้ไล่ตีพ่อและอุปกรณ์เสพยา พ่อแม่โล่งอกจะได้กลับไปนอนบ้าน แต่กังวลหากถูกปล่อยจะมาทำร้ายอยู่ไม่เป็นสุขอีก

ผู้สื่อรายงานกรณีที่นายสมชัยและนางบุญหนา (ขอสงวนนามสกุล) สามีภรรยาชาวบ้านชุมทอง ต.ชุมเห็ด อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ช่วยเหลือจับกุมตัวนายวิกร หรือเล็ก อายุ 34 ปี ลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง เมื่อคืนที่ผ่านมา (10 ธ.ค.)

หลังเมายาบ้าแล้วเกิดอาการคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของถือท่อนไม้ไล่ตีพ่อด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายและขู่จะฆ่าแม่บังเกิดเกล้าเพราะขอเงินไม่ได้จนเกิดความหวาดกลัวต้องพาหลานชายอายุ 11 ขวบ และหลานสาววัย 7 ขวบ ตระเวนไปขออาศัยนอนตามลานปั๊มน้ำมันและกระท่อมตามทุ่งนาเพราะกลัวจะถูกทำร้าย แต่ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบนายเล็กก็ไหวตัวหลบหนีออกทางหลังบ้าน

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้บุกเข้ารวบตัวนายเล็กหลังจากกลับเข้ามาในบ้าน พบว่านายเล็กยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในบ้านพบท่อนไม้หน้าสามที่ใช้ไล่ตีพ่อ และอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเสพยาเสพติดจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และได้ควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก พร้อมทั้งตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดด้วย ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทางด้านพ่อและแม่ของนายเล็ก บอกว่ารู้สึกโล่งและสบายใจหลังจากเจ้าหน้าที่มาจับตัวลูกชายไป จะได้กลับเข้าไปนอนในบ้าน จากก่อนหน้านี้ต้องตระเวนไปขออาศัยนอนตามปั๊มน้ำมัน และกระท่อมในทุ่งนา เพราะลูกชายบังคับขู่เอาเงินทุกวัน หากวันไหนไม่มีให้ก็ขู่จะทำร้ายจะฆ่า ต้องอยู่กันด้วยความหวาดระแวง ไม่รู้วันไหนจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาและทำร้ายคนในบ้านอีก เพราะแม้กระทั่งหลานชายอายุ 11 ขวบ มันยังขู่ทำร้ายเป็นประจำ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งไปบำบัดรักษาให้หาย เพราะหากปล่อยออกมาแล้วยังไม่เลิกเสพก็จะเป็นเหมือนเดิมอีก ไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร ที่ผ่านมาก็อยู่แบบทุกข์ทรมานไม่มีกำลังใจจะทำมาหากิน และหากเป็นอะไรไปใครจะเลี้ยงหลาน 2 คน

ผู้จัดการออนไลน์

ชาวบุรีรัมย์ผวา ไม่กล้าออกจากบ้าน หลังคนร้ายดักทำร้ายหญิงหวังชิงทรัพย์ ยังลอยนวล

ช่องเจ็ด HD รายงาน –

หญิงอายุ 67 ปี พาผู้สื่อข่าวของเราไปยังจุดที่เธอถูกคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 20 ปี ดักทำร้ายขณะกำลังออกไปขุดปูและเก็บผักในป่าใกล้สันเขื่อนลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์

เธอเล่าว่า คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาดักรอ โดยสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ก่อนแย่งเสียมที่เธอนำมาขุดปูเข้าตีศีรษะอย่างแรง 1 ครั้ง จนเลือดอาบ แล้วตีซ้ำที่ไหล่อีก 1 ครั้งเธอจึงล้มลง และยังเตะที่ลำตัว เอาเข่ากดที่ใบหน้า เมื่อพยายามดิ้นต่อสู้และจะหยิบมีดในตะกร้ามาป้องกันตัว คนร้ายก็แย่งไปจนมีดบาดมือเธอ ก่อนใช้มีดจี้บังคับเอาเงิน แต่ตอนนั้นเธอไม่มีเงิน และต้องยกมือไหว้ร้องขอชีวิตจึงรอดมาได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้

จากเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ จนหลายคนไม่กล้าออกจากบ้านคนเดียว โดยเฉพาะชาวบ้านที่เป็นผู้หญิงหรือผู้สูงอายุ เพราะกลัวว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก และต่างบอกว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นติดยาเสพติด จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ด้านตำรวจชุดสืบสวน สภ.โนนดินแดง ได้ลงพื้นที่หาเบาะแส พร้อมไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานที่และเส้นทางใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

https://news.ch7.com/detail/454556

บุรีรัมย์ – ระวังทุกฝีก้าว!! คุมเข้มชายแดนบุรีรัมย์ สกัดลักลอบเข้าเมืองป้องกันโควิด-19 ระบาด

บุรีรัมย์ – ผู้บัญชาการ กกล.สุรนารี ลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณชายแดนฝั่ง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เพื่อป้องกันการใช้เส้นทางตามธรรมชาติลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการคุมเข้มและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

พล.ต.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วย พ.อ.กิตติศักดิ์ จารุวัฒน์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 26 ลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณหลักเขตแดนที่ 28 อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ และมีเขตติดต่อกับ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เพื่อเน้นย้ำการปฏิบัติงานของกำลังพลให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการลักลอบทำผิดกฎหมาย และมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยใช้เส้นทางตามธรรมชาติ

โดยผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้เน้นย้ำการปฏิบัติในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และยาเสพติด ซึ่งกองกำลังสุรนารีได้มีการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ เฝ้าระวังตามแนวชายแดน

และเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายไทย ในการสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทำให้ในปัจจุบันหมู่บ้านตามแนวชายแดนได้มีการป้องกันการเข้าออกของบุคคลนอกพื้นที่ และในส่วนพื้นที่ชั้นในถัดจากแนวชายแดนได้มีการบูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่ตอนใน

โดยได้มีการประสานการปฏิบัติร่วมกันเพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบเข้าสู่จังหวัดชั้นใน หากพบว่ามีบุคคลลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้ดำเนินการจัดทำข้อมูล เพื่อตรวจสอบแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพื้นที่ และเส้นทางของผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบต่อไป

จากนั้นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้เดินทางไปมอบนโยบายให้แก่กำลังพล และตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจความมั่นคง ด่านหนองเสม็ด ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ โดยเน้นย้ำมาตรการเข้มงวดของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ เพื่อเป็นการป้องกันในการคัดกรองตามมาตรการโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สร้างสภาวะพื้นที่ชายแดนให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้าสู่พื้นที่ตอนในประเทศ พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภค และวัตถุมงคลให้แก่กำลังพลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

ผู้จัดการออนไลน์

บุรีรัมย์ – งบสร้างเรือนจำใหม่ 1 พัน 4 ร้อยล้านบาท เนื้อที่ 125 ไร่ เรือนจำเก่าจะกลายเป็นสวนสาธารณะ

0

จังหวัดบุรีรัมย์ จัดประชุมรับความความคิดเห็นประชาชน ในการก่อสร้างเรือนจำแห่งใหม่ ที่ ต. สะแกซำ อ.เมืองบุรีรัมย์

9 ธ.ค. 63 เวลา 10. 00 น. นายดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง วิศวกร ผู้แทนจากกรมราชทัณฑ์ ร่วมเข้าชี้แจงและให้ข้อมูล ต่อ ประชาชน จำนวน 200 คน ณ เรือนจำชั่วคราวบ้านสง่างาม ตำบลสะแกซำ อำเภอเมืองจังหวัดบุรีรัมย์

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน และสถานที่ในร่ม, ข้อความพูดว่า "ฟังคว วันพุธ ที่ 9 ธันวาคม 256 เวลา 10.00 13.00 THAILAND ยนจำชั่วคราวบ้านสง่าง อำเภอเมือ งบุรีรัมย์ จังหวัด"

นางกรรณิการ์ ชอินทรวงศ์ ผู้บัญชาเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ บนเนื้อที่ 125 ไร่ งบประมาณ 1,448.616,000 บาท (หนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบแปดล้านหกแสนหนึ่งหมื่นหกพันบาทถ้วน) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นประชาชน พ.ศ. 2548 เพื่อสร้างความเข้าใจ และให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงโครงการ รัศมี 5 กิโลเมตรได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชาการ พร้อมให้ประชาชนซักถามหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง จนสิ้นข้อสงสัย และเกิดความร่วมมือในการพัฒนาและขับเคลื่อนโครงการ

ด้านนายดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบันถูกเผาทำลาย ไม่สามารถใช้เป็นสถานที่ควบคุมผู้กระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาลได้อีก ต้องนำผู้ต้องขังไปฝากไว้ที่เรือนจำในเขต 3 ถึง 17 แห่งด้วยกัน นอกจากนี้ จังหวัดต้องการพัฒนา ปรับปรุงพื้นที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะของจังหวัด เป็นปอดของเมือง ตามนโยบายเมืองแห่งกีฬา ซึ่งจะนำความเจริญมาสู่ชุมชนของเราได้อีกหลายประการ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงินสะพัด การค้าขาย ธุรกิจบริการจะเพิ่มขึ้น

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังยืน และสถานที่กลางแจ้ง

ในการลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนคลายความกังกล และก่อให้เกิดความร่วมมือในการก่อสร้างเรือนจำจังกวัดบุรีรีมย์แห่งใหม่และมีการพัฒนาพื้นที่ตามนโยบายของจังหวัด ต่อไป

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป

บุรีรัมย์-เกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ

0

เกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ บริเวณสี่แยกไฟแดงหนองกี่ เกิดระเบิดไฟลามไหม้บ้านเรือนและรถยนต์ของประชาชน ได้รับความเสียหายจำนวนมาก

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 เวลาประมาณ 23.40 น. บริเวณสี่แยกไฟแดงหนองกี่ ถนนทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ตำบลหนองกี่ อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์

เกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันพุ่งชนรถพ่วง 18 ล้อ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ แล้วเกิดระเบิดไฟลุกท่วม น้ำมันไหลนองเต็มพื้น ทำให้ไฟลามไหม้บ้านเรือนและรถยนต์ของประชาชน ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์เกิดจากรถบรรทุกน้ำมันของบริษัท มนต์ทรานสปอร์ต

ซึ่งมุ่งหน้าไปจังหวัดสุรินทร์ พนักงานขับรถได้ขับมาด้วยความเร็วเมื่อถึงจุดเกิดเหตุบริเวณสี่แยกไฟแดงหนองกี่ ถนนทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ตำบลหนองกี่ อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ เกิดการเสียหลักเบรกไม่อยู่ทำให้รถพุ่งชนท้ายกับรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกรถจักรยาน อย่างรุนแรง

ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้รถบรรทุกน้ำมันและรถพ่วง 18 ล้อในทันที และมีน้ำมันรั่วไหลเข้าไปในท่อระบายน้ำทำให้เพลิงได้ไหม้ลุกลามติดรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนเสียหาย จำนวน 8 คัน (รถยนต์ 5 คัน รถตุ๊กๆ 2 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน) และบ้านเรือนประชาชน ซึ่งเป็นตึกแถว 2 ชั้น (ครึ่งปูนครึ่งไม้) ถูกเพลิงไหม้เสียหาย จำนวน 19 คูหา (เสียหายทั้งหลัง 2 คูหา และเสียหายบางส่วน 17 คูหา) เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรในรัศมี 5 กิโลเมตร

จากเหตุการณ์มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 1 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รายงานการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเบื้องต้น (อุบัติเหตุใหญ่) ว่า ในการปฏิบัติ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ นายอำเภอหนองกี่ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมบูรณาการ ควบคุม สั่งการ อำนวยการ และประสานการปฏิบัติ

โดยมี หน่วยดับเพลิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง มูลนิธิ อาสาสมัคร ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าร่วมการระงับเหตุ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรหนองกี่ อำนวยความสะดวก ด้านการจราจรบริเวณโดยรอบ และสามารถควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้ได้ในเวลาประมาณ 04.00 น. ขณะนี้สามารถสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวได้ตามปกติ

Cr. ข้อมูลข่าว สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์

บุรีรัมย์ หมอนวดแสบ อ้างขอนวดให้คนป่วย แล้วฉกเงินต่อหน้า หนีลอยนวล

บุรีรัมย์ หมอนวดแสบ อ้างขอนวดให้คนป่วย แล้วฉกเงินต่อหน้า หนีลอยนวล

กล้องวงจรปิดเห็นชัด หมอนวดวัย 54 ปี ฉกเอาเงินในกระป๋องร้านขายของชำ เจ้าของร้านเผย รู้จักดีคนร้ายอาชีพรับจ้างนวด มาซื้อเหล้า 1 ก๊ง แล้วอาศัยตอนที่ตัวเองไปหลังบ้าน เข้าไปนวดสามีที่นอนป่วยเป็นโรคเก๊าท์ ก่อนจะใช้มือ ล้วงเอาเงินต่อหน้าคนป่วย

วันที่ 17 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ใน อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีคนร้ายเข้าไปขโมยเงินในกระป๋องเงิน คาร้านค้าขายของชำ และอยากแจ้งเตือนให้กับร้านค้าทั่วไปให้ระวัง
จากการตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 29 บ้านโนนสมบูรณ์ หมู่ 9 ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ เป็นบ้านของนางมะลิ ผลเกิด อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 22 ม.9 ต.แคนดง อ แคนดง ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในหมู่บ้าน โดยนางมะลิ ได้เอาภาพจากกล้องวงจรปิดระหว่างที่คนร้ายกำลังขโมยเงินในกระป๋องใส่เงินมาให้ดูอีกด้วย

นางมะลิ เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีนายเป๊ก ไม่ทราบนามสกุล เป็นคนหมู่บ้านอื่น เดินเข้ามาขอแบ่งซื้อเหล้าขาว ระหว่างนั้นนายเป๊ก ถามจะขอนวดให้สามีที่นอนป่วยติดเตียง จึงบอกว่าไม่ต้องนวด เพราะป่วยเป็นโรคเก๊าท์ แต่นายเป๊กก็ไม่ยอม เดินไปหาสามีลักษณะเหมือนจะไปบีบคลำให้

ระหว่างนั้นมีญาติมาหาหลังบ้าน จึงไปพบญาติ โดยก่อนออกไปได้เอากระป๋องใส่เงินที่ขายของได้ วางไว้กับสามีที่นอนอยู่ ประมาณ 20 นาที จึงกลับมาสามีจึงบอกว่านายเป๊ก ขโมยเงินไปต่อหน้า จึงไปตรวจสอบดูกล้องวงจรปิด ก็พบว่านายเป๊ก ขโมยเงินไปจริง

สามีเล่าว่า นายเป๊ก ได้มาบีบนวดให้ประมาณ 1-2 นาที ใช้มืออีกข้างล้วงเอาเงินในกระป๋องไป

โดยหลังจากนี้จะไปแจ้งความที่ สภ.แคนดง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

โชคดีที่นายเป๊ก ไม่รู้ว่าเงินมีเงินอยู่ในกระป๋องชั้นล่างอีก ได้เงินไปเพียงไม่ถึง 100 บาท แต่เจ็บใจที่กล้าขโมยเงินต่อหน้าสามี จึงอยากจะแจ้งเตือนร้านค้าทั่วไปให้ระวัง เพราะกลุ่มมิจฉาชีพมักจะมาในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้

////////////

วาทิตย์ แสนธุปี // 0957874787
คิวภาพ//ภาพจากกล้องวงจรปิด//หน้าร้าน///การพูดคุย//สภาพคนป่วย//เสียงนางมะลิ

บุรีรัมย์-สาวลักลอบรับจัดฟันเถื่อนถูกจับแล้ว

MGR Online – “ปคบ.” รวบเจ้าของเพจ “ยิ้ม สยามมมม” เสนอจัดฟันแฟชั่นและขายอุปกรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต คาห้องพักย่านสามพราน จ.นครปฐม เจ้าตัวสารภาพจำหน่ายให้ลูกค้าสั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊ก

วันนี้ (8 ต.ค.) พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศุภศิษฏ์ อึ้งสุวรรณพานิช สว.กก.1 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย คือ น.ส.ณัฐสุดา ศรีวิเชียร อายุ 30 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์

พร้อมของกลาง เช่น ยางโอริงจัดฟัน สีต่างๆ 145 เส้น, ท่อยางสีต่างๆ สำหรับร้อยลวดจัดฟัน 104 เส้น, ยางเชนจัดฟัน 270 เส้น, แบร็กเก็ตจัดฟัน 13 แผง แผงละ 20 ชิ้น, ลวดโลหะ สำหรับจัดฟัน 1 ตลับ, กาวฉายแสงสำหรับติดลวดดัดฟัน 2 หลอด, ปืนยิงยางโอริง สำหรับจัดฟัน 1 อัน, พลาสติกถ่างปาก 2 ชิ้น, เครื่องฉายแสงสำหรับเร่งกาวฉายแสง 1 อัน, ตะขอสำหรับถักยางจัดฟัน 2 อัน และคีมหนีบแบร็กเก็ต 1 อัน รวมมูลค่ากว่า 24,000 บาท

โดยติดตามจับกุมได้ในพื้นที่ ต.ทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม วานนี้ (7 ต.ค.) ก่อนแจ้งข้อหาความผิดฐานขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (สินค้าอุปกรณ์จัดฟันแฟชั่น) และคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 1/2561 ลง 30 ม.ค. 2561

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ.สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์ลักลอบรับจัดฟันแฟชั่นผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ยิ้ม สยามมมม”

โดยมีการโพสต์เสนอหรือชักชวนบริการจัดฟันแฟชันในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ จึงได้วางแผนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพรางตัวเป็นลูกค้าติดต่อเข้ารับบริการ

โดยตกลงนัดหมายให้เข้ารับบริการจัดฟันแฟชันที่แฟลตเอื้ออาทร ศาลายา 3 ตึก 42 ชั้น 5 ต.ทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องหาเปิดห้องพักให้ลูกค้าพร้อมทั้งแนะนำการบริการจัดฟันแฟชั่นภายในห้องดังกล่าว

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์กล่าวอีกว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พรางตัวเป็นสายลับเข้าไปภายในห้องของผู้ต้องหา พบเห็นอุปกรณ์จัดฟันแฟชั่น ทั้งลวด ยางวงที่นำไปคล้องหรือผูกติดไว้ในบริเวณช่องปากหรือบนฟันจำนวนมาก ซึ่งเป็นสินค้าที่ห้ามขายตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 1/2561 จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจยึดอุปกรณ์จัดฟันแฟชั่นทั้งหมด

โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นอุปกรณ์จัดฟันแฟชันจริง ได้จำหน่ายและให้บริการกับลูกค้าที่เป็นประชาชนทั่วไปสามารถสั่งซื้อและเข้ารับบริการได้ผ่านเฟซบุ๊ก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบพบว่าสินค้าของกลางดังกล่าวเป็นสินค้าที่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค

จึงได้ทำการตรวจยึดและจับกุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. นอกจากนี้ ขอประชาสัมพันธ์เตือนว่าการติดเหล็กดัดฟันแฟชั่นกับเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้ทำโดยทันตแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญนั้น มีความเสี่ยงที่เกิดการติดเชื้อในช่องปากจนเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงจากการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

ผู้จัดการออนไลน์

บุรีรัมย์-​ฝนกระหน่ำต่อเนื่อง​ ส่งผลน้ำ2อ่างผลิตประปา​มีน้ำกว่า10ล้าน ลบ.ม.​

สยามรัฐ – บุรีรัมย์พายุฝนกระหน่ำต่อเนื่องส่งผลให้น้ำใน 2 อ่างใหญ่แหล่งผลิตน้ำประปาหล่อเลี้ยงตัวเมือง มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นรวมกันแล้วกว่า 10 ล้านลูกบาศก์เมตร พ้นวิกฤตแล้งแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้มีสภาพแห้งขอดจนเห็นสันดอนดินและตอไม้โผล่ จนต้องสูบผันน้ำจากแหล่งอื่นผลิตประปาแทน ขณะภาพรวม 16 อ่างทั้งจังหวัดมีระดับน้ำเกินกักเก็บแล้ว 3 แห่ง

วันนี้ (8 ต.ค.63) หลังจากมีพายุกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก็ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก และอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด แหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาหล่อเลี้ยงประชาชนและเขตเศรษฐกิจสำคัญในตัวเมืองบุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีน้ำไหลเข้าอ่างทั้ง 2 อ่างแล้วกว่า 10 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณความจุทั้ง 2 อ่างกว่า 56 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้พ้นวิกฤตแล้งแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 อ่างมีสภาพแห้งขอดจนเห็นสันดอนดินและตอไม้โผล่กลางอ่าง จนไม่สามารถสูบขึ้นไปผลิตประปาได้ ต้องทำการสูบผันน้ำจากอ่างห้วยสวาย อ.กระสัง และอ่างเก็บน้ำลำปะเทีย อ.ละหานทราย มาผลิตประปาหล่อเลี้ยงประชาชน และพื้นที่เศรษฐกิจในตัวเมืองแทน และคาดว่าช่วงนี้ก็จะมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำภาพรวม 16 แห่งทั้งจังหวัด พบว่ามีอ่างเก็บน้ำที่มีระดับน้ำเกินความจุอยู่ 3 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำห้วยสวาย อ.กระสัง อ่างเก็บน้ำลำตะโคง อ.แคนดง และอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก อ.บ้านกรวด แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานน้ำเอ่อท่วมบ้านเรือน หรือพื้นที่การเกษตร ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

สยามรัฐ